คนเชียงรายจี้รัฐเจรจา หยุดเหมืองว้าพ่นพิษลงลำน้ำ
คนเชียงรายจี้รัฐเจรจา หยุดเหมืองว้าพ่นพิษลงลำน้ำ

นักวิชาการชี้ “ฝายดักตะกอน” แก้ปัญหาสารปนเปื้อนในน้ำกกไม่ได้ จี้รัฐเจรจาหยุดเหมืองว้า ต้นเหตุทำลำน้ำปนเปื้อน ชวนชาวเชียงรายมาร่วมแสดงพลังในวันสิ่งแวดล้อมโลก
(24 พ.ค. 68) เวลา 17.00 น. ลานหน้าสวนตุงและโคมนครเชียงราย ถนนธนาลัย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ซึ่งมีกิจกรรมถนนคนเดินทุกวันเสาร์ แต่วันนี้ได้มีการรวมตัวของเครือข่ายภาคประชาชน นักวิชาการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ ได้จัดกิจกรรมปราศรัยเชิญชวนให้ชาวเชียงรายไปร่วมในกิจกรรมเรียกร้องให้รัฐบาลไทย เมียนมา จีน และเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) ให้ทราบถึงปัญหาสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกก แมน้ำสาย และแม่น้ำโขง ที่ไหลมาจากเหมืองทองคำ แมงกานิส และแรร์เอิร์ธ (แร่หายาก) และยุติการทำเหมืองและร่วมฟื้นฟูแม่น้ำ
นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้เราจะเรียกว่ากิจกรรมฮอมปอย รักษาแม่น้ำสาย แม่น้ำกก แม่น้ำโขง จุดประสงค์ที่จัดกิจกรรมในวันนี้ก็เพื่อจะให้ชาวเชียงรายได้รับรู้ถึงสถานการณ์ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำโขง ว่าปัจจุบันแม่น้ำเหล่านี้ได้ปนเปื้อนสารพิษไปแล้ว และจะเกิดผลกระทบต่างๆตามมาอีกมากมาย ทั้งปัญหาด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ชาวเชียงรายจะได้รับรู้ข้อมูลต่างๆ รวมถึงร่วมแสดงความคิดเห็น แสดงความห่วงใยในแม่น้ำ เป็นการสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนถึงกิจกรรมใหญ่ที่เราจะจัดขึ้นในวันที่ 5 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก จะเป็นวันที่ชาวเชียงรายจะมารวมตัวกันเพื่อรณรงค์ให้เกิดการหยุดทำเหมือง และร่วมกันฟื้นฟูแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง
นายนิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีผลตรวจจากหน่วยงานต่างๆ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า แม่น้ำสายต่างๆที่อยู่ท้ายเหมืองว้า ต่างปนเปื้อนไปด้วยสารโลหะหนักทั้งหมดแล้ว ที่เห็นได้ชัดก็คือปลาขนาดเล็กอย่าง "ปลาแข้" จะพบว่ามีอาการติดเชื้อแล้ว โดยมีลักษณะเป็นตุ่มพุพอง ส่วนผลกระทบในคนตอนนี้ยังไม่มีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบชัดเจน แต่จะมีบางคนที่ลงไปอาบน้ำในแม่น้ำกกมีตุ่มหนอง ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำเหมือง โดยปัญหาเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันเหมืองในพื้นที่ต้นน้ำก็ยังเปิดทำงานเป็นปกติ สารพิษต่างๆก็ยังไหลลงสู่แม่น้ำเพิ่มขึ้นทุกๆวัน นี่เป็นสิ่งที่พวกเราเป็นห่วงและอยากจะเชิญชวนชาวเชียงรายได้ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ยุติการทำเหมือง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะกระทบชีวิตของพวกเราทุกคน เพื่อจะให้ทางรัฐบาลยกระดับในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ต้องจริงจังในการแก้ไขปัญหา ต้องยกระดับทั้งเรื่องทางการทูต ความเข้มของของการเจรจาต่อรอง จะต้องมีผลเป็นรูปธรรม และรัฐบาลต้องเข้ามาดูแลเอาใจใส่ไม่ให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าว
ด้าน ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่าผลกระทบในแม่น้ำกก แม่น้ำสายและแม่น้ำโขง เป็นสัญญานบ่งชี้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น เศรษฐกิจท้องถิ่นพังยับเยิน เพราะไม่มีใครหาปลาและสัตว์น้ำอีกต่อไป พ่อค้าแม่ค้าเดือดร้อน ตนได้หารือกับนักธุรกิจโรงแรมใน จ.เชียงราย แล้วทราบว่าต้องเพิ่มต้นทุนในการนำน้ำที่ใช้ในโรงแรมไปตรวจเพื่อสร้างหลักประกันให้กับผู้เข้าพักว่าไม่มีสารโลหะหนัก ร้านอาหารหลายแห่งงดซื้อผักและสัตว์น้ำจากชาวประมง ชาวประมงที่เคยจับปลาก็ต้องสูญเสียอาชีพ รายได้และอาหารของตัวเองไป ไม่มีใครกล้ากินปลาจากแม่น้ำกกอีกต่อไป
ดร.สืบสกุล กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยเราแก้ไขปัญหาเชิงรับโดยมีการนำน้ำและอื่นๆ ไปตรวจสอบ แต่ปัญหาอยู่ที่เหมืองแร่ต่างๆ ดังกล่าว จึงต้องการให้หยุดแหล่งกำเนิดมลพิษข้ามพรมแดนเหล่านี้เสีย โดยถือเป็นเรื่องใหญ่และท้าทายของคนไทยและชาวเชียงราย ว่าเราจะหยุดเหมืองแร่ในประเทศเมียนมาในเขตของว้าได้อย่างไร เราจะหยุดเอกชนจีนที่เข้าไปสัมปทานลงทุนได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้เราจะแก้ไขปัญหาไม่ได้หากเราไม่แสดงตัวออกมาว่าเราไม่ต้องการเหมืองแร่เหล่านี้ ทั้งนี้แม่น้ำสายที่ท่วมชายแดนวันที่ 24 พ.ค. เป็นหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าต้องปิดเหมืองในว้าได้แล้ว
“สำหรับประเด็นที่ทางรัฐบาลเสนอให้มีการสร้างฝายดักตะกอนนั้น ตนมองว่าสามารถสร้างได้ แต่มีเงื่อนไขว่า จะต้องไม่มีสารโลหะหนักเข้ามาเติม กล่าวคือจะต้องไม่มีสารโลหะหนักเสียก่อน เราถึงจะมาทำการฟื้นฟูแม่น้ำ ตราบไดที่เรามีฝาย แต่ยังมีสารโลหะหนักเข้ามาเติมเรื่อยๆ มันก็แก้ปัญหาไม่ได้ และมีองค์ประกอบอย่างอื่นอีก เช่น ต้องคำนึงถึงระบบธรณีวิทยาของแม่น้ำว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และตะกอนจากสารโลหะหนัก เราจะเอาไปกำจัดที่ไหน ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดก็คือการปิดเหมือง ดังนั้นวันที่ 5 มิ.ย. ขอเชิญชวนทุกคนให้ไปรวมตัวกันที่่โรงเรียนรักษาดินแดน ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร อ.เมืองเชียงราย จากนั้นจะพากันเดินไปแสดงเจตนารมณ์ที่สะพานข้ามแม่น้ำกก ก่อนไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อขอให้ส่งต่อไปยังรัฐบาลไทย เมียนมา จีน และกลุ่มว้า เพื่อให้ปิดเหมืองต่อไป” ดร.สืบสกุล กล่าว
น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ ผอ.ฝ่ายรณรงค์องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (lnternational Rivers) กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาน้ำกกปนเปื้อนของรัฐบาลถือว่าช้ามาก ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. ที่ชาวบ้าน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้เดินขบวนเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาแม่น้ำกก และทำให้ชาวเชียงรายทราบว่าต้นน้ำกกมีการทำเหมืองแร่ ทั้งเหมืองแร่ทองคำ และต่อมาก็พบว่ามีแร่อื่น ที่สำคัญก็คือแร่แรร์เอิร์ธ ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ก็มีการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด และคนเชียงรายก็อยากจะเห็นการแก้ปัญหาในทันที แต่จากผลคุณภาพน้ำของกรมควบคุมมลพิษทั้ง 3 ครั้ง กลับพบว่าตรวจพบสารโลหะหนักในระดับที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสารตะกั่วซึ่งในระยะยาว 2-3 ปี น่าจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ การแก้ปัญหาสารปนเปื้อนที่เกิดจากการทำเหมืองในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เราจะต้องแก้ในทันที เราไม่สามารถรอได้ ไม่รู้ว่าทางภาครัฐได้มีการเจรจาทางตรงทางลับอย่างไร แต่ผลตรวจที่ออกมากลับพบว่ามีสารโลหะหนักเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ทำให้เราค่อนข้างกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
น.ส.เพียรพร กล่าวอีกว่า ตนเห็นความพยายามของ ผวจ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาข้ามพรมแดน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทั้งจีน เมียนมา และกองกำลังว้า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทางรัฐบาลจะต้องมีจุดยืน มีนโยบายที่จะแก้ปัญหาได้ทันที โดยต้องมีการแก้ปัญหาที่ต้นตอ คือการยุติการทำเหมือง ไม่ใช่การทำเขื่อนกรองน้ำ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
จากภาพถ่ายดาวเทียมที่มีการเผยแพร่ จะเห็นว่าที่ต้นแม่น้ำกกมีการเปิดหน้าดินเพื่อทำเหมืองแร่ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่เขาเปิดดำเนินการ หากเราปล่อยให้เขาดำเนินการทำเหมืองแร่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ความเสียหายมันก็จะเกิดขึ้นกับแม่น้ำกกของชาวเชียงราย เราไม่รู้ว่าเราจะอยู่กับปัญหานี้อีกนานแค่ไหน อาจจะเป็น 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี เราเคยเห็นเคสตัวอย่างที่เหมืองคลิตี้ จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีการแก้ปัญหามาจนถึงปัจจุบันก็ยังแก้ไม่ได้ แล้วนี่แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำโขง กำลังจะกลายเป็นแหล่งปนเปื้อนสารพิษที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคหรือเปล่า รัฐบาลอยากเห็นแบบนั้นหรือ? เราต้องเปิดเจรจาทางการทูต การเจรจาทางฝ่ายความมั่นคง หรือการใช้กลไกทางเศรษฐกิจหรือการกดดันอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้าขายชายแดน ซึ่งตนคิดว่ามันควรจะทำได้ และควรจะทำในทันที
วันนี้แค่มีฝนตกชาวเชียงรายก็เครียดกันแล้ว เพราะน้ำมันขุ่นเกิน การประปาแม่สายไม่สามารถทำการผลิตน้ำประปาได้ และเรายังรู้ว่ามันเป็นน้ำตะกอนที่ปนเปื้อนสารหนูก็ยิ่งน่ากลัว อยากให้ทางรัฐบาลแก้ปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว ตนเชื่อว่าทำได้
"วันนี้พวกเรามารวมตัวกันที่สวนตุงและโคม เทศบาลนครเชียงราย เพื่อร่วมลงชื่อในจดหมายเพื่อจะส่งไปยังรัฐบาล เพื่อขอให้เจรจายุติการทำเหมืองแร่ในทันที และร่วมฟังข้อมูลจากวิทยากรมากมาย เพราะเรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับชาวเชียงราย และในวันที่ 5 มิ.ย. วันสิ่งแวดล้อมโลก เราจะมีการนำเอาจดหมายไปมอบให้กับทางนายกรัฐมนตรีผ่านทาง ผวจ.เชียงราย อยากให้ชาวเชียงรายออกมาแสดงพลังกันเยอะๆ เพื่อที่ทางภาครัฐจะได้เห็นว่าเราไม่ได้อยู่เฉยยอมรับชะตากรรม แต่เราอยากจะใช้สิทธิความเป็นพลเมืองอย่างสร้างสรรค์ สื่อสารให้เห็นเห็นว่าสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเรา" น.ส.เพียรพร กล่าว