เชียงใหม่เริ่มเผาแล้ว จังหวัดเปิดศูนย์รับมือหมอกควัน-ไฟป่า

(19 ธ.ค.67) ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพท้องฟ้าในตัวเมืองเชียงใหม่ เริ่มมองเห็นม่านหมอกควัน แม้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และคุณภาพอากาศจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ภาพจากมุมสูงล่าสุดก็เป็นสัญญาณบอกได้ว่า ช่วงฤดูกาลหมอกควันไฟป่าใกล้จะมาถึง สอดคล้องกับหลายพื้นที่ใน จ.เชียงใหม่ ที่เริ่มพบกลุ่มควันจากการเผาในที่โล่ง อย่างที่หมู่บ้านกลางหุบเขา ด้านหลังดอยสุเทพ บริเวน ต.บ้านปง อ.หางดง พบชาวบ้านเริ่มเผาเศษวัชพืช ส่งกลุ่มควันลอยขึ้นเหนือหมู่บ้าน ซึ่งแม้จะเป็นการเผาในพื้นที่ส่วนบุคคล และยังไม่เข้าสู่ช่วงเวลามาตรการห้ามเผา แต่ควันจากการเผาก็เริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแล้ว

ล่าสุด ทางจังหวัดเชียงใหม่ เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เตรียมรับมือไฟป่าและหมอกควัน ประจำปี 2568 โดยตั้งเป้าลดจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) , จำนวนพื้นเผาไหม้ , จำนวนวันที่ค่าคุณภาพอากาศเกินมาตรฐาน และจำนวนผู้ป่วย COPD ให้ได้มากที่สุด โดยใช้ค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง มาเป็นตัวชี้วัดของการดำเนินงานในปีนี้ คือ

• จำนวนการเกิด Hotspot จาก 10,804 จุด จะต้องลดลง ร้อยละ 25 คือ 8,103 จุด
• พื้นที่เผาไหม้ จาก 883,556 ไร่ จะต้องลดลง ร้อยละ 25 คือ 662,667 ไร่
• จำนวนวันที่ค่าคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐาน จาก 89 วัน จะต้องลดลง ร้อยละ 20 คือ 71 วัน
• จำนวนผู้ป่วย COPD จาก 22,086 ครั้ง จะต้องลดลง ร้อยละ 20 คือ 17,668 ครั้ง



ขณะเดียวกัน ในปีนี้จังหวัดเชียงใหม่ ได้กําหนดเขตการบริหารจัดการเชื้อเพลิง และเขตควบคุมการเผาทั้งจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 พื้นที่ไหนที่มีความจำเป็นต้องเผาจะต้องลงทะเบียนขออนุญาต ผ่านแอปพลิเคชัน FireD ก่อน พร้อมเน้นย้ำให้ทุกอำเภอ สร้างความเข้าใจกับชาวบ้านที่ความต้องการเผาในพื้นที่ เป็นการแก้ปัญหาที่ว่าชาวบ้านไม่รู้ พร้อมกับส่งข้อมูลมาให้จังหวัดโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะทำให้จังหวัดมีจำนวนตัวเลขพื้นที่ ที่มีความต้องการเผาอย่างชัดเจน และจะได้จัดทำแผนการบริหารจัดการการเผาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมตามสถานการณ์ และให้มีประสิทธิภาพ

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ปัญหาไฟ หมอกควัน และ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ถ้าไม่มีการเผาก็จะไม่มีไฟ ไม่มีควัน ไม่มีฝุ่น ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าว เป็นสิ่งที่ยากและท้าทายมาก สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคน และเป็นภารกิจของทุกหน่วยงาน ที่จะต้องบูรณาการความร่วมมือกัน โดยจะนำเอาบทเรียนข้อผิดพลาดต่างๆจากปีก่อนหน้า มาแก้ไขการทำงานในปีนี้ให้ดีที่สุด - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน