ฝากขังนายหน้า จัดหาคนไทยทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ฟิลิปปินส์
ฝากขังนายหน้า จัดหาคนไทยทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ฟิลิปปินส์

DSI คุมตัวฝากขังแล้ว! นายหน้าสาว จัดหาคนไทยไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศฟิลิปปินส์
(22 มิ.ย.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำตัว น.ส.ณัฐวิกรณ์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1858/2567 ลงวันที่ 25 เม.ย.67 ซึ่งต้องหาว่า กระทำความผิดฐาน "ร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยการบังคับใช้แรงงานฯ โดยเป็นธุระจัดหา และยึดเอกสารสำคัญประจำตัวของบุคคลนั้นไว้ นำภาระหนี้ให้ผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ , ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายฯ , ร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใดฯ , พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร" ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อฝากขังระหว่างการสอบสวน ครั้งที่แรก แล้วเมื่อวานนี้
การจับกุมดังกล่าว เป็นการดำเนินการภายใต้ คดีพิเศษที่ 32/2566 เป็นกรณีที่มีกลุ่มบุคคลร่วมกันเป็นธุระจัดหาชาวไทย ไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในการบังคับใช้แรงงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยการประกาศ รับสมัครงานผ่านโซเชียลมีเดีย ในตำแหน่งพนักงาน ฝ่ายบุคคล ฝ่ายการตลาดและฝ่ายบริการลูกค้า ของบริษัท มีค่าตอบแทนเดือนละประมาณ 50,000 บาท มีสวัสดิการ ซึ่งได้โพสต์ประกาศรับสมัครผ่านบัญชีเฟซบุ๊กของกลุ่มผู้ต้องหา
ต่อมา ผู้เสียหายเกิดความสนใจและหลงเชื่อที่จะไปทำงานตามที่ได้มีการประกาศไว้ จึงได้นัดหมายให้มีการสัมภาษณ์งานจากบุคคลสัญชาติจีน และได้เดินทางจากประเทศไทยไปทำงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีกลุ่มผู้ต้องหาเป็นผู้อำนวยความสะดวก และจัดหาบัตรโดยสารเครื่องบิน
ผู้เสียหายได้เดินทางไปถึงประเทศฟิลิปปินส์ จึงได้พบกับผู้ต้องหากับพวก แล้วได้ยึดหนังสือเดินทาง และพบว่าบริษัทที่ได้สมัครมาทำงานนั้น ไม่ได้เป็นไปตามคำชักชวนและที่ประกาศไว้ แต่ได้ถูกกลุ่มผู้ต้องหากับพวก หลอกลวงและบังคับให้ทำงานโดยลักษณะงานเป็นการทำงานผ่านคอมพิวเตอร์ ใช้โทรศัพท์และสื่อโซเชียลมีเดีย ในการหลอกลวงผู้อื่นให้มาทำงานที่บริษัทของกลุ่มผู้ต้องหา
เมื่อมีบุคคลหลงเชื่อ ก็จะถูกบริษัทบังคับให้ทำงานในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เพื่อหลอกลวงผู้อื่นตามที่บริษัทกำหนดหากผู้กล่าวหา ไม่ทำตามก็จะถูกข่มขู่ บังคับ และสร้างภาระหนี้สิน ซึ่งการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหากับพวก จึงมีลักษณะตามที่ถูกกล่าวหาดังกล่าว
หากไม่สามารถหลอกลวงคน ให้มาทำงานตามที่นายจ้างกำหนดเป้าหมายไว้ ผู้กล่าวหาจะถูกปรับเงินและจะถูกขายตัวไปยังบริษัทแห่งอื่นในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อแสวงหาประโยชน์จากการใช้แรงงาน และการกระทำอันเป็นการขูดรีดผู้กล่าวหา
โดยผู้กล่าวหา หรือเหยื่อ หลังได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทย จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายดังกล่าวกับพวก ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้บริเวณด้านหน้าอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในแขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม.เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ก่อนนำตัวฝากขังไปแล้วเมื่อวานนี้ โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินการสอบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายรายอื่นๆ ต่อไป - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน