ประกาศเตือนภาคใต้ ฝนหนักคลื่นสูง เรือประมงพื้น 6 อำเภอ งดออกจากฝั่ง

(22ก.พ.68) ที่ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ประกาศฉบับที่ 4 (26/2568) เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย (ช่วงวันที่ 22-25 กุมภาพันธ์ 2568) บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ ในช่วงวันที่ 22-25 กุมภาพันธ์ 2568 บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น และมีฝนหนักถึง หนักมากบางแห่ง ดังนี้            

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 มีฝนหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส   

ช่วงวันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2568 มีฝนหนักหลายพื้นที่และมีฝนหนักมากบางแห่งบริเวณจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงและฝนหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก        

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงมา ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าว 

ส่งผลทำให้คลื่นลมบริเวณชายฝั่งจังหวัดสงขลามีกำลังแรงอีกครั้งหนึ่งเรือประมงพื้นบ้านใน 6 อำเภอ ชายฝั่งทะเลของจังหวัดสงขลา ตั้งแต่อำเภอระโนด สทิงพระ สิงหนคร เมืองสงขลา จะนะและอำเภอเทพาต่างพากันหยุดออกเรือทำการประมง หลังมีการแจ้งเตือนจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านไม่กล้านำเรือออกทำการประมง ต้องหยุดทำการประมงอีกครั้งตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 และรอฟังข่าวพยากรณ์อากาศจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก เพื่อจะได้เตรียมออกเรือหากคลื่นลมลดความรุนแรงลง 

ในขณะเดียวกัน บริเวณชายฝั่งบ้านบ่ออิฐ ต.เกาะแต้ว อ.เมืองสงขลา ถึงแม้ว่าจะมีเขื่อนกันคลื่นที่สร้างบริเวณชายฝั่ง 14 เขื่อน แต่บริเวณช่องระหว่างเขื่อน ซึ่งเป็นทะเลเปิด คลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่งอยู่ตลอดเวลา ทำให้เรือประมงพื้นบ้านกว่า 20 ลำ ที่จอดบริเวณชายหาดบ่ออิฐ ต้องลากขึ้นมาจากชายหาดมาจอดจนติดถนน เนื่องจากบริเวณชายหาดคลื่นซัดขึ้นมาจนถึงเรือที่จอด จึงต้องลากเรือขึ้นไป เนื่องจากสภาพคลื่นลมยังมีความรุนแรง ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านต้องแวะเข้ามาดูแลเรือของตนเองอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่น้ำขึ้น 

ข่าวเวิร์คพอยท์23