พิษ 'ภาษี 125%' เขย่าต้นทุน "iPhone" อาจทำราคาพุ่งเกือบ 2 เท่า

พิษ 'ภาษี 125%' เขย่าต้นทุน "iPhone" อาจทำราคาพุ่งเกือบ 2 เท่า

212410 เม.ย. 68 12:45   |     AdminNews

พิษ 'ภาษีนำเข้า 125%' อาจดันราคา iPhone แตะหลักแสนบาท - ย้ายฐานจากจีนอาจไม่ช่วยลดต้นทุน


วันที่ 10 เมษายน 2568 นโยบายการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งนำการผลิตกลับสู่สหรัฐอเมริกาและกำหนดอัตราภาษี 125% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน อาจทำให้ราคา iPhone ของ Apple พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก 


ร้าน Apple Store สาขาลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ

ตามการวิเคราะห์ล่าสุดจาก Bank of America (BofA) ซึ่งระบุว่าต้นทุนการผลิต iPhone อาจเพิ่มขึ้นถึง 90% หากย้ายฐานการผลิตทั้งหมดมาที่สหรัฐฯ ปัจจุบัน Apple ผลิต iPhone ส่วนใหญ่ในจีน โดยพึ่งพาชิ้นส่วนจากซัพพลายเชนในเอเชีย หากมีการบังคับใช้ภาษีนำเข้า 125% ตามนโยบายใหม่ที่ทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ชิ้นส่วนที่นำเข้าจากจีนจะมีราคาสูงขึ้นทันที 


ร้าน Apple Store เซียงไฮ้ ประเทศจีน

ร้าน Apple Store นิวยอร์ก สหรัฐฯ

นอกจากนี้ 'ค่าแรง' ในสหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าจีนถึง 25% จะยิ่งทำให้ต้นทุนรวมพุ่งสูงขึ้น เมื่อรวมสองปัจจัยนี้ ต้นทุนการผลิต iPhone อาจเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า


ยกตัวอย่างเช่น iPhone 16 Pro (256GB) ซึ่งมีราคาขายปลีกในสหรัฐฯปัจจุบันอยู่ที่ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 36,000 บาท) อาจมีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 2,090 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 68,000 บาท) หรือสูงถึง 3,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 115,000 บาท) ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด การย้ายฐานการผลิตจากจีนมาสู่สหรัฐฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้ Apple จะสามารถหาแรงงานในสหรัฐฯ เพื่อประกอบ iPhone ได้ แต่ชิ้นส่วนสำคัญ เช่น ชิปประมวลผลและหน้าจอ ยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าจากจีนและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ภาษี 125% จะทำให้ต้นทุนชิ้นส่วนเหล่านี้สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ การเคลื่อนย้ายซัพพลายเชนทั้งหมดอาจใช้เวลาหลายปีและต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ซึ่งอาจไม่คุ้มค่าสำหรับ Apple


ร้าน Apple Store แห่งแรกของประเทศไทย ที่ IconSiam 

สำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย ราคา iPhone ที่สูงขึ้น อาจส่งผลต่อกำลังซื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มที่รอคอยรุ่นใหม่ทุกปี หากราคาแตะระดับ 68,000-115,000 บาท ตามที่คาดการณ์ ผู้บริโภคอาจหันไปพิจารณาสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นที่ราคาย่อมเยากว่า หรือเลือกซื้อรุ่นเก่าที่มีราคาลดลงแทน