นายกฯชี้ รบ.-กองทัพ มีเอกภาพ ย้ำใช้เวทีทวิภาคีเจรจากัมพูชา

นายกฯชี้ รบ.-กองทัพ มีเอกภาพ ย้ำใช้เวทีทวิภาคีเจรจากัมพูชา

86506 มิ.ย. 68 14:32   |     AdminNews

นายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

6 มิ.ย.68 นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุมและและพูดคุยกันในเรื่องของมาตรการต่างๆ ที่จะพร้อมรับมือ และเมื่อวานนี้ทางนายภูมิธรรม และฝ่ายกองทัพได้ไปพูดคุยกับทางฝ่ายกัมพูชา พอมีการพูดคุยกันตอนนี้ทุกอย่างยังโอเคอยู่ และได้คุยว่าเราทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือรัฐบาล เราปรึกษากันก่อนดำเนินการใดๆ ตลอด และทุกคนก็รู้ในอำนาจ หน้าที่ของตัวเองดี ตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือความเป็นเอกภาพในการทำงานทั้งหมด ไม่อยากให้เกิดกระแสใดๆ ที่เกิดขึ้นว่ารัฐบาลกับกองทัพนั้นมีปัญหากัน ซึ่งจริงๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันทั้งสิ้น และทำงานซัพพอร์ตสนับสนุนกันมาอย่างดีเสมอ อำนาจหน้าที่ต่างๆ ก็เคลียร์กันหมด ตามสถานการณ์หน้างานกองทัพสามารถตัดสินใจได้เลยหรือไม่ก็เคลียร์กันในเนื้องานทั้งหมดแล้ว และในเรื่องของการเจรจารายละเอียดต่างๆ ในการพูดคุยกันก็อาจจะไม่สามารถลงรายละเอียดได้ทั้งหมด แต่ในกรอบของความเข้าใจก็เกิดความเข้าใจกัน และหากมีความรุนแรงที่ขยายไปมากยิ่งขึ้นก็ยืนยันในส่วนของจำกัดความรุนแรง เพื่อไม่ให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นแนวทางที่รัฐบาลสนับสนุนอยู่แล้ว


เมื่อถามว่ามติของ สมช. วันนี้มีการคุยกันเรื่องอะไรบ้าง นายภูมิธรรม ระบุว่า วันนี้ได้พูดคุยกันที่ว่าเราจะต้องยึดมั่นในหลักการปกป้องอธิปไตยของประเทศ และดำรงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ และได้พูดคุยกับทุกฝ่ายหลักที่สำคัญ คือ เรามี 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านต่างประเทศ ด้านกองทัพ และด้านการสื่อสาร ก็มีการปรับให้ชัดเจนขึ้นและร่วมกันทำงานได้มากขึ้น 


ในส่วนของกองทัพ ยืนยันว่าเราพร้อมในเรื่องของการรักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศ และบูรณภาพเหนือดินแดน ส่วนเรื่องการสื่อสารเราได้ตกลงกันแล้วว่ากระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพหลักในการดูแล โดยจะให้โฆษกของกระทรวงกลาโหมและกองทัพบกมาร่วมกันด้วย และจะดูแลเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศที่ทำให้การเจรจาหรือการหาข้อสรุปเกิดขึ้นยากลำบาก ยืนยันอีกครั้งว่าสภาความมั่นคงได้ตกลงและเห็นพ้องกันว่าเรื่องอธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องดูแลอย่างเต็มที่จริงๆ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราจะประคับประคองให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีและไม่เกิดการเสียประโยชน์ทั้งต่างประเทศเราและเพื่อนบ้านทั้งหมด เพราะเรายังมีภาระความจำเป็นที่ต้องร่วมมือกันอีก เนื่องจากความสัมพันธ์ทางชายแดนในทุกประเทศมีหลายเรื่องทั้ง ไซเบอร์ เศรษฐกิจ ยาเสพติด ซึ่งเรายังต้องร่วมมือกันทำงานแก้ปัญหาเหล่านั้น ฉะนั้นความขัดแย้งจึงอยากให้จำกัดให้มากที่สุด และเราได้ตกลงกันแล้วว่าจะนำไปสู่ประเด็นที่จะเจรจา


ด้านนายมาริษ กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมเพื่อให้เกิด บูรณภาพ และเอกภาพร่วมกัน ในส่วนของการต่างประเทศและการทหารต้องไปด้วยกัน เป็นเนื้อเดียวกัน  ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน ฉะนั้นเราเห็นพ้องกันว่าในการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเราต้องใช้กลไกที่เรามีอยู่ในปัจจุบันเป็นหลัก คือการใช้กลไกที่มีอยู่แล้ว อาทิ JBC RBC GBC และเป้าหมายในการเจรจาที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนก็จะต้องเน้นในเรื่องของปัญหา เพื่อแก้ปัญหาการกระทบกระทั่งกันเป็นหลักเสียก่อน และลดความตึงเครียดในกรอบของกำลังทหาร ส่วนเรื่องอื่นๆ เรายังไม่ให้ความสำคัญ และ JBC มีหน้าที่อยู่แล้วในการเจรจาเรื่องเขตแดน ก็จะเจรจาไปพร้อมกัน เพราะฉะนั้นเราจะใช้กลไกที่มีอยู่แล้วเป็นหลักเสียก่อน สำหรับการชี้แจงนายภูมิธรรม ได้พูดไปแล้วว่าจะมีการประสานกลไกร่วมกันทั้งของกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก และกระทรวงกลาโหม เพื่อให้การสื่อสารออกไปให้ประชาชนได้เข้าใจทุกสิ่งอย่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน


พลเอก ทรงวิทย์ ระบุว่า วันนี้เราต้องเน้นย้ำว่ากองทัพสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลในการแก้ปัญหาและกลไกสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยสันติวิธี กองทัพได้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการรักษาอธิปไตยและคุ้มครองปกป้องประชาชนตามแนวชายแดนซึ่งได้ดำเนินการมาตลอด 


สำหรับการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพในวันนี้ เป็นการประชุมตามวงรอบปกติทุก 2 เดือน ซึ่งในวันนี้แน่นอนว่าจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์ของไทยและกัมพูชา ในลักษณะที่สนับสนุนแนวทางของรัฐบาล และแนวทางที่สภาความมั่นคงคุยกันในวันนี้ เพื่อความโปร่งใสจะมีเผยแพร่ข่าวออกมาว่าพูดคุยกันเรื่องอะไรบ้าง แต่เหตุที่ยกเลิกการเชิญสื่อ เพราะเราต้องทำงานแบบมืออาชีพในหลายเรื่องและอยากให้เป็นการสื่อสารเป็นไปในแนวแนวทางเดียวกัน คือ กระทรวงต่างประเทศ รัฐบาล รวมไปถึงกระทรวงกลาโหมและกองทัพ ในฐานะผู้ปฏิบัติงานจะสงวนการให้ข้อมูลเฉพาะบางเรื่อง


เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนซึ่งประชาชนในประเทศก็รอฟังอยู่ว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร ขณะที่คนต่างชาติก็เป็นเพื่อนบ้าน หากมีคนบุกรุกมาในบ้านจันทร์ส่องหล้าไปปักหลักอยู่ หรือบุกรุกไปบ้านของนายกเองจะทำอย่างไร โดยเฉพาะในเรื่องของ 200 เมตรที่มีข่าวว่ากัมพูชารุกอธิปไตยจะใช้วิธีการอย่างไรในการแก้ไขปัญหาให้รวดเร็วกว่านี้ นางสาวแพทองธาร เผยว่า เมื่อวานนี้ได้มีการพูดคุยกันแล้วในเรื่องนี้ ได้ตกลงกัน แต่ละรายละเอียดต่างๆ ก็ต้องเคารพทั้ง 2 ฝ่ายว่ารายละเอียดให้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของเจรจา ตนทราบว่าสื่ออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ที่มีการพูดคุยกันทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยด้วยดี ทุกฝ่ายโอเค ทางกองทัพก็ยืนยันแล้วว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเตรียมพร้อมทุกรูปแบบสำหรับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งกองทัพเองก็ทราบอยู่แล้วว่าเหตุการณ์หน้างานเป็นอย่างไรแล้วต้องปะทะ ซึ่งนี่ก็เป็นการตัดสินใจของกองทัพให้หน้างานต้องดูว่าต้องปะทะหรือไม่ ซึ่งการปะทะนั้นก็จะเกิดความเสียหาย มากกว่าแรงเชียร์ที่ต้องปะทะ ซึ่งต้องใช้สันติวิธีให้มากที่สุด และตอนนี้ไม่มีใครช้าในเรื่องนี้ ทุกคนทำและพูดคุยกันหมดแล้ว แต่จะเลือกว่าจะฟังหรือไม่ฟังส่วนไหน เพราะแถลงการณ์ทั้ง 2 ฉบับ ของรัฐบาลได้ดำเนินการไปเรียบร้อยหมดแล้ว รวมถึงข้อตกลงแนวทางที่ประเทศไทยจะไปต่อ 


ส่วนเรื่องการปิดด่านมีการพูดในที่ประชุมวันนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า มีการพิจารณาทุกมาตรการ และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และสภาวะที่เห็นแล้วว่าควรดำเนินการอย่างไร แต่ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว


เมื่อถามย้ำว่ามีเส้นไหนที่จะออกมาตรการการปิดด่าน หรือห้ามข้ามชายแดนไปเล่นคาสิโนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน นายภูมิธรรม ระบุว่า มีอยู่ในมาตรการแล้ว แต่เชื่อว่าในขณะนี้ไม่สามารถพูดเรื่องเหล่านี้ได้ รอให้เกิดสถานการณ์แต่ละขั้น แล้วเราสามารถหยิบใช้ได้ ซึ่งได้ตกลงในกลไกแล้ว ว่ากองทัพหน้างานเป็นอย่างไร กระทรวงการต่างประเทศยืนยันหลักแบบไหนในการดำเนินการ ซึ่งวันนี้คุยกันทุกหน่วยงานแล้ว


เมื่อถามว่าได้มีการระบุระยะเวลาหรือไม่ภายหลังจากพบกับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาให้ถอนกำลังออกไป นายภูมิธรรม ระบุว่า เราได้ของให้มีการปรับกำลังไปเหมือนปี 2567 ซึ่งปกติส่วนนั้น มีกำลังที่วางกันอยู่แล้วโดยที่ไม่มีปัญหา ก็ให้ปรับกำลัง ส่วนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ใช้ทวิภาคีกลไกทางกฎหมาย และกลไกทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาแก้ไขปัญหานี้


ส่วนการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ก็มีการตั้งขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ และรายละเอียดจะออกมาเอง ทุกขั้นตอนในการดำเนินการ เราจะคุยกันตลอดกับทางกระทรวงกลาโหม กองทัพ และกระทรวงการต่างประเทศ ในการดำเนินการ ซึ่งมีการวางไว้หมดแล้ว และทำมาแล้ว เพียงแต่กระชับให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้นเอง


ส่วนที่การประชุมในวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบกไม่ได้เข้าร่วมประชุม จะมีปัญหาหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ย้ำว่า มีเสนาธิการทหารบกเข้ามา ซึ่งตามปกติก็มาเข้าร่วมอยู่แล้ว เพื่อเป็นตัวแทนกองทัพบก และไม่มีปัญหาอะไร


ส่วนกระแสสังคมที่ออกมาให้รัฐบาลออกมาปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย แต่การประชุมในวันนี้ยังคงยืนยันจุดยืนของรัฐบาลในเรื่องสันติวิธี นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องแยกออกจากกัน คำถามนี้ดูสลับซับซ้อนมากไป การมาเจอกันเมื่อวานของกองทัพ ก็รู้สึกว่าในฐานะที่เราเป็นคนคุมกำลังของกองทัพอยู่ เราอยากหาทางสันติให้ได้มากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งในภาวะขณะนี้ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดสงคราม ซึ่งเราเสนอให้ทำกลไกทวิภาคี หรือเจบีซี เราใช้มา 20 กว่าปีแล้ว ก็เป็นประโยชน์มาตลอด ทั้งร่วมมือกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ และสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งกลไกนี้ถูกใช้แล้วดี แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น เราเองทางทหารต้องมีหน้าที่โดยตรงในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ ก็ไม่ได้นิ่งเฉย และไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งอะไร เพียงแค่ตรึงกำลัง และใช้กลไกสันติวิธี ซึ่งรัฐบาลจะเป็นผู้ใช้ ได้ตกลงกันไปแล้วว่าหากมีเหตุการณ์ที่มีปัญหาก็ให้บอก และได้กำหนดบุคคลที่ดูแลแต่ละฝ่าย และเมื่อวานนี้คุยในเงื่อนไขที่จะนำไปสู่จุดที่ดี และฝากให้ไปคุยกับในแต่ละประเทศ และให้ผู้นำคุยกัน ซึ่งบรรยากาศที่คุยเมื่อวานก็เป็นไปได้ด้วยดี และในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือคนที่ไป ก็เป็นตัวแทนกองทัพ เมื่อคุยกันแล้วทุกคนก็สบายใจกับข้อสรุป


เมื่อถามว่าทางประเทศไทยก็มีทางลัดในการติดต่อกับฝั่งกัมพูชา ทำไมถึงไม่ใช้คอนเน็คชั่นที่มีอยู่ในการติดต่อไป นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องประเทศชาติ และเป็นอธิปไตยของประเทศชาติ ต้องเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรัฐบาลในการดำเนินการ ซึ่งการคุยนอกรอบ ก็มีการทำอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อวานนี้ที่เกิดขึ้นก็เป็นการคุยนอกรอบของตนเองกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ว่าเราได้ดูสภาพของจุดทั้งหมดแล้ว เข้ามาคุยกัน เราใช้ทุกกลไกที่เสนอมา เพียงแต่ว่าเรื่องการลงข่าว หากมีการนำเสนอที่คลาดเคลื่อน ก็นำไปสู่การตอบสนองที่ไม่ค่อยดี


นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกหน่วยตอนนี้ เราทำงานร่วมกัน ซึ่งก็ทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และขณะนี้กำลังเดินหน้าไปสู่ จุดที่เราพึงประสงค์ ซึ่งต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ เพราะเมื่อกระทบแล้ว จะเป็นบาดแผลที่ลึก และทำให้การทำงานต่าง ๆ ยากขึ้น เราต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ขอให้จำกัดวงอยู่ที่ตรงนี้ไม่ต้องไปถามเรื่องศาลโลก เพราะเราไม่ได้รับอยู่แล้ว อย่าไปเปิดประเด็นให้มันมีประเด็นเพิ่มขึ้น เรากำลังจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่แก้ได้ ก็ขอให้ช่วยกันตรงนี้และไม่มีปัญหาอะไรเลย


เมื่อถามว่ามีการวางเงื่อนไขรับมือกรณีที่กัมพูชาไม่เข้าร่วมการประชุมเจบีซีหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ยังไม่ได้คิดในส่วนนี้ เพราะเมื่อวานก็คุยกันดีพอสมควร ส่วนทางกัมพูชายืนยันว่า จะไม่พูดคุยถึง 4 จุด ตามที่แถลงการณ์มาแล้ว ในวงประชุมจะมีการพูดคุยเรื่องอะไรนั้น ก็ขอรอให้มีประชุมจริง ๆ ก่อนเพราะเราคุยกันแล้วว่าจะคุยอะไร

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat