รวบคนร้ายพยายามลอบสังหาร "โดนัลด์ ทรัมป์" ครั้งที่ 2

รวบคนร้ายพยายามลอบสังหาร "โดนัลด์ ทรัมป์" ครั้งที่ 2

24516 ก.ย. 67 18:23   |     AdminNews

"ทรัมป์" ถูกลอบสังหารครั้งที่ 2 ขณะเล่นกอล์ฟ - FBI เผยคนร้ายมีประวัติอาชญากรรมยาวเหยียด

วันที่ 15 กันยายน 2567 (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ)สื่อต่างประเทศรายงานข่าวด่วนเกิดเหตุลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นครั้งที่ 2 ในเมืองเวสต์ ปาล์มบีช (West Palm Beach) รัฐฟลอริดา เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯทรัมป์ กำลังพักผ่อนเล่นกอล์ฟอยู่ในสนามกอล์ฟ Trump International Golf Club ทั้งนี้ 'ทรัมป์' ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และถูกนำตัวเข้าไปในอาคารเพื่อความปลอดภัยทันที

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นระบุว่า เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาพิเศษ (Secret Service) สังเกตเห็นผู้ต้องสงสัยที่ถือปืนไรเฟิลชนิด AK-47 ที่มาพร้อมกับกล้องเล็งปืนผ่านรั้วสนามกอล์ฟ เจ้าหน้าที่ได้ยิงปืนใส่ผู้ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามต่อมาผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมได้ในบริเวณใกล้เคียง หลังหนีออกจากพุ่มไม้ที่หลบซ่อน และใช้พาหนะเป็นรถสีดำในการหลบหนี แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ตามตัวจนพบ และยึดกล้อง GoPro ในกระเป๋าของเขาไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้ทิ้งอาวุธปืนไรเฟิล AK-47 และอาวุธอื่นๆไว้ในที่เกิดเหตุ  

ไรอัน เวสลีย์ รูธ - ผู้ก่อเหตุ

ขณะที่สำนักสืบสวนกลาง (FBI) เอฟบีไอ ระบุว่า ขณะเกิดเหตุลอบยิงนั้น 'ทรัมป์' อยู่ห่างจากจุดลอบยิงไปประมาณ 400 เมตร โดยพยานรายหนึ่งเห็นผู้ต้องสงสัยวิ่งออกมาจากพุ่มไม้และกระโดดขึ้นรถนิสสันสีดำ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ยิงใส่เขาหลายครั้ง และผู้ต้องสงสัยรายนี้คือ นายไรอัน เวสลีย์ รูธ วัย 58 ปี ชาวรัฐนอร์ทแคโรไลนา และมีประวัติอาชญากรรมยาวเหยียด โดยสำนักข่าวต่างประเทศอย่าง ซีเอ็นเอ็นและซีบีเอส รายงานต่อมาว่า นายไรอัน ประกอบอาชีพอิสระสร้างบ้านในรัฐฮาวาย และมักโพสต์เรื่องการเมืองและเหตุการณ์ในปัจจุบันลงบนโซเชียล บางครั้งวิพากษ์วิจารณ์ ทรัมป์ และ เคยแสดงความเห็นสนับสนุนการต่อสู้ของยูเครน ต่อการรุกรานของรัสเซีย

เหตุการณ์การลอบสังหารนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่มีความพยายามลอบสังหารเขาครั้งแรกราวสองเดือนก่อนหน้านี้ ที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.67 ซึ่งกระสุนได้เฉียดเข้าที่ใบหูของเขา 

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ต่างออกมาประณามการใช้ความรุนแรงในเชิงการเมือง  


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง