'ฮุน เซน' ย้ำปรับกำลังทหารในเขตพิพาทเพื่อป้องกันความรุนแรง
'ฮุน เซน' ย้ำปรับกำลังทหารในเขตพิพาทเพื่อป้องกันความรุนแรง

'ฮุน เซน' ขอชาวกัมพูชาเชื่อมั่นรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ย้ำว่าการปรับกำลังทหารชายแดนทั้งสองฝ่าย เพื่อลดการปะทะ-นองเลือด
8 มิ.ย.68 สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กภายหลังสถานการณ์ 'ช่องบก' คลี่คลาย หลังฝ่ายกัมพูชาเจรจากับ กกล.สุรนารี ปรับการวางกำลังลดการเผชิญหน้า พร้อมกลบคูเลตกลับไปสู่สภาพเดิม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทบ.เผยสถานการณ์ช่องบกคลี่คลาย หลังฝ่ายกัมพูชาเจรจากับ กกล.สุรนารี
โดยสมเด็จเตโช ฮุน เซน ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า การปรับโครงสร้างกำลังทหารบริเวณพื้นที่พิพาทชายแดนกับไทยที่ตกลงร่วมกันระหว่างผู้บัญชาการกองทัพของทั้งสองประเทศ เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการปะทะรุนแรงและหลีกเลี่ยงนองเลือด
กระทรวงกลาโหมกัมพูชาและไทยได้ออกแถลงการณ์ร่วมยืนยันว่าจะปรับทัพให้สอดรับกับข้อตกลงในปี 2567 โดยจะแปรย้ายกำลังกลับไปยังจุดเดิม เช่น ศาลาตรีมุข ห่างจากพื้นที่พิพาท 150–200 เมตร
ฮุน เซน เน้นย้ำว่า “ประชาชนทั้งกัมพูชาและไทยต่างปรารถนาอยู่อย่างสงบสุขอย่างแท้จริง และไม่ต้องการเห็นสงครามเกิดขึ้น” พร้อมเสริมว่าการปรับกำลังเป็นผลจากการดำเนินการเชิงรุกระดับรัฐบาลและหน่วยแนวหน้า ที่ขณะนี้แสดงสัญญาณที่น่าพอใจ
นอกจากนี้ เขาเรียกร้องให้ประชาชนวางใจในการแก้ปัญหาของรัฐบาล โดยยืนยันว่าการใช้สันติวิธีคือหนทางเดียวในการหลีกเลี่ยงสงคราม และสร้างความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างแท้จริง
"การปรับกำลังทหารในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งระหว่างกองทัพของสองประเทศคือกัมพูชาและไทย เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือดในวงกว้าง"
"การปรับกำลังทหารในพื้นที่เสี่ยงต่อความขัดแย้ง ผ่านความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้บัญชาการทหารของกัมพูชาและไทย เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันอย่างรุนแรงในวงกว้าง ประชาชนของทั้งสองประเทศต่างปรารถนาให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืน และไม่ต้องการเห็นสงคราม
ความพยายามในการหาทางออกผ่านการเจรจาได้ดำเนินมาในทุกระดับ ตั้งแต่รัฐบาลจนถึงผู้บัญชาการในแนวหน้า และขณะนี้กำลังเริ่มเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
พี่น้องประชาชนที่เคารพ ขอให้ท่านวางใจในความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการนองเลือด และส่งเสริมมิตรภาพรวมถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน"
ที่มา: เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
