มรดกเลือด! รวบหลานสาวโหด ร่วมกันฆ่าน้าสาวฝังดิน
มรดกเลือด! รวบหลานสาวโหด ร่วมกันฆ่าน้าสาวฝังดิน

CIB รวบหลานสาวโหด ร่วมกันฆ่าน้าสาวฝังดิน สังเวยปมมรดกเลือด แบ่งที่ดินไม่ลงตัว
(15 ก.ค.68) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พ.ต.ท.สุขสิทธิ์ ประเสริฐ สว.กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.วราภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ที่บริเวณหน้าห้องเช่าไม่ทราบเลขที่ หมู่ 7 ต.ดอนพุทรา อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ จ.52/2 /2552 ลงวันที่ 5 ก.พ.52
ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย กระทำการใดแก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมบริเวณที่พบศพ ในประการที่น่าจะทำให้ผลการชันสูตรหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป”
สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 5 ก.พ.52 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต อ.เมือง จ.ปทุมธานี รับแจ้งจากนายสมเชาว์ (สงวนนามสกุล) ว่าภรรยาคือ นางบุญทิ้ง (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และสงสัยว่าอาจถูกฆาตกรรม โดยญาติภายในบ้านพักแห่งหนึ่ง ซอยวัดบางกุฎีทอง หมู่ 2 ต.บางกระดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทีมแพทย์เวรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูง ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ขณะเดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นกองดินลักษณะใหม่ มีแมลงวันตอมเป็นจำนวนมาก ห่างจากตัวบ้านประมาณ 50 เมตร จึงลงมือขุดลึกลงไปราว 5 เมตร พบถุงพลาสติก สีดำ ขนาดใหญ่ ภายในบรรจุร่างของนางบุญทิ้ง สภาพศพเน่าเปื่อย ศีรษะแตก จากการถูกของแข็งทุบ ข้อมือและลำคอถูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา
จากการสืบสวน พบผู้ก่อเหตุคือ นางวิสัย (สงวนนามสกุล) น้องสาวของผู้เสียชีวิต และ น.ส.วราภรณ์ (สงวนนามสกุล) หลานสาว ซึ่งได้ร่วมกันก่อเหตุและอำพรางศพ ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนางวิสัย ได้ทันทีหลังเกิดเหตุ แต่ น.ส.วราภรณ์ ได้หลบหนีไปนานถึง 16 ปี กระทั่งถูกจับกุมตัวได้ในวันนี้
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น จากคำให้การของ น.ส.วราภรณ์ ให้การภาคเสธ โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนร่วมในการฆาตกรรมน้าสาว เพียงเข้าไปช่วยมารดาในช่วงที่ทะเลาะกัน โดยระบุว่า ก่อนเกิดเหตุมารดาของตน มีปากเสียงกับนางบุญทิ้ง เรื่องแบ่งมรดกที่ดินของตายาย ตนเห็นมารดาถูกผลักจึงเข้าช่วย โดยกระชากผมและตบหน้านางบุญทิ้ง หลายครั้ง
จากนั้น นางวิสัย น้าสาวอีกคนซึ่งเป็นน้องสาวนางบุญทิ้ง ได้ใช้ไม้หน้าสามตีเข้าที่ศีรษะนางบุญทิ้ง หลายครั้งจนแน่นิ่งไป ตนตกใจกลัวจึงรีบหลบหนี และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ฝังศพ ภายหลังทราบว่า ตนถูกออกหมายจับในคดีฆาตกรรมดังกล่าว จึงได้หลบหนีไปทำงานในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยเปลี่ยนที่อยู่เป็นระยะๆ จนคิดว่าคดีเงียบไป จึงกลับมาพักอาศัยอยู่ที่ จ.นครปฐม กับบุตร ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ในที่สุด - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน