อุตุฯ ประกาศ ฉ.13 พายุโซนร้อน“ปาบึก”อ่อนกำลังลงกลายเป็นดีเปรสชัน
อุตุฯ ประกาศ ฉ.13 พายุโซนร้อน“ปาบึก”อ่อนกำลังลงกลายเป็นดีเปรสชัน
อุตุฯ ประกาศ ฉ.13 พายุโซนร้อน“ปาบึก”อ่อนกำลังลงกลายเป็นดีเปรสชัน โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง
(25ธ.ค.67) เวลา 17.00 น. ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุดีเปรสชัน “ปาบึก” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ฉบับที่ 13 (355/2567) ระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ของวันนี้ (25ธ.ค.67) พายุโซนร้อน “ปาบึก” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 290 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 10.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 110.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในระยะต่อไป โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยโดยตรง ในขณะที่ในช่วงวันที่ 25 – 26 ธ.ค. 67 มีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก มีฝนเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่อาจจะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ทะเลอันดามัน
มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับนี้เป็นฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุดีเปรสชัน “ปาบึก” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ฉบับที่ 13 (355/2567)
ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา
ข่าวเวิร์คพอยท์23