ตั้งวงดื่มฉลองเงินหมื่น โมโหรุ่นน้องลวนลามเมีย คว้าค้อนตี มีดฟันดับ

(29ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(28ก.ย.) เวลา 17.00. น. พ.ต.ต.วิสุทธิ์ งอธิราช สว.(สอบสวน) สภ.เซกา อ.เซกา จ.บึงกาฬ ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตอยู่ในกระท่อมเถียงนาห่างจากหมู่บ้านประมาณ 400 เมตร จึงรุดไปพร้อม พฐ. , แพทย์เวร รพ.เซกา และหน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไลจุดเซกา 

ที่เกิดเหตุเป็นเถียงนาตั้งอยู่บนขอบสระน้ำ พบศพชาย อายุ 62 ปี ชาวเซกา ใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีน้ำตาล ถูกตีด้วยค้อนตีตะปูเข้าที่ขมับด้านขวา ที่ดั้งจมูก และที่ริมฝีปากด้านบน อีกทั้งที่ท้ายทอยมีรอยถูกฟันด้วยของมีคม 3 จุด เลือดไหลอาบทั่วร่างกายจนแห้งกรัง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 ชั่วโมง

ส่วนผู้ที่ก่อเหตุเป็นชายขาพิการขาลีบด้านขวาอ่อนแรง อายุ 74 ปี ถูกเจ้าที่ตำรวจชุดสายตรวจควบคุมตัวไว้ขณะเดินออกมาจากบ้านเกิดเหตุพร้อมกับภรรยา 

สอบสวน ผู้ก่อเหตุ รับสารภาพว่า วานนี้ได้ไปถอนเงินผู้เปราะบางออกมาจากธนาคาร จำนวนเงิน 5,000 บาท เพื่อมาซื้อเหล้าขาวดื่มฉลองพร้อมด้วยภรรยาสาว วัย 44 ปี โดยมีผู้ตายมานั่งร่วมวงอยู่ด้วยรวม 3 คน ขณะที่นั่งดื่มเหล้ากันอย่างสนุกสนาน ภรรยาสาวก็ได้ทำกับแกล้มมาให้กิน ขณะนั้นผู้ตายได้พยายามพูดแทะเล็มและลวนลามภรรยาของตนด้วย

"พยายามพูดห้ามปรามว่าอย่าทำอย่างนั้น แต่ผู้ตายก็ยังฝ่าฝืนไม่เชื่อฟัง อ้างว่าภรรยาของตนเคยเป็นแฟนเก่าผู้ตายมาก่อน ก่อนที่จะมาอยู่กับตนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว" ผู้ก่อเหตุ กล่าว

ผู้ต้องหา สารภาพอีกว่า ทำให้ตนเกิดความโมโหจึงคว้าเอาค้อนตีตะปูที่วางอยู่ข้าง ๆ มาตีหัวผู้ตายไป 2 - 3 ทีจนล้มหงายท้องลงไป แต่ยังไม่หายโมโหจึงได้คว้าเอามีดพร้าฟันซ้ำเข้าทีศีรษะผู้ตายอีก 2 - 3 ทีจนแน่นิ่งไป ส่วนตนและภรรยาสาวก็นั่งกินเหล้าต่อไป

ผู้ต้องหา บอกต่อไปว่า ขณะที่นั่งเฝ้าศพผู้ตายอยู่นั้นเป็นเวลานานพอสมควรจึงได้ชวนเมียสาวเดินออกไปข้างนอกเพื่อจะไปโรงพักแจ้งความกับตำรวจว่าตนเองได้ฆ่าคนตายแล้ว พอเดินถึงหน้าโรงพยาบาลเซกาเกิดหิวน้ำจึงได้แวะขอกินน้ำกับบ้านคนรู้จัก บังเอิญมีตำรวจสายตรวจขี่ผ่านมาเค้นสอบถามจึงบอกไปว่าฆ่าคนตายมา

ขณะที่ ภรรยาผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เหตุที่สามีลงมือฆ่าเพื่อนรุ่นน้องที่ร่วมวงดื่มเหล้าด้วยกันครั้งนี้ เพราะผู้ตายเมาแล้วชอบมาลวนลามตน ห้ามก็ไม่ฟัง สามีจึงโมโหใช้ค้อนตีตะปูทุบหัวและใช้มีดฟันซ้ำจนตายดังกล่าว 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวทั้งสองคนมาสอบปากคำอย่างละเอียด ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป