รบ.ออสเตรเลียสั่งสอบ ไวรัสร้ายแรงหายจากแล็บ 323 หลอด เมื่อปี 64
รบ.ออสเตรเลียสั่งสอบ ไวรัสร้ายแรงหายจากแล็บ 323 หลอด เมื่อปี 64
รัฐบาลออสเตรเลียสั่งสอบด่วน แล็บสาธารณสุขในรัฐควีนส์แลนด์ทำหลอดบรรจุไวรัสร้ายแรง 323 หลอดหายออกจากแล็บเมื่อปี 2564 ชี้เป็นการละเมิดมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพครั้งใหญ่
(11 ธ.ค. 67) รัฐบาลออสเตรเลียสั่งให้หน่วยงานสาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์เร่งสอบสวนด่วน กรณีที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(9 ธ.ค.) มีการเปิดเผยว่ามีไวรัสร้ายแรงจำนวน 323 หลอด หายไปจากห้องแล็บ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2564 หลังจากตู้แช่ไวรัสในห้องแล็บพัง แต่มีการยืนยันว่าไวรัสจำนวนดังกล่าวหายไปจริงในเดือน สิงหาคม 2566
รัฐบาลรัฐควีนส์แลนด์ ได้ดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่า ตัวอย่างเชื้อไวรัสที่หายไปนั้นถูกขโมย หรือถูกทำลายแล้วหรือไม่ และไม่พบหลักฐานว่าเกิดความเสี่ยงหรืออันตรายต่อประชาชน โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า เชื้อไวรัสที่อันตรายเหล่านี้จะตายอย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่นอกตู้แช่ และไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อ และแม้ตัวอย่างเหล่านี้จะนำไปใช้ผลิตเป็นอาวุธชีวภาพได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ
สำหรับเชื้อไวรัสที่หายไปประกอบด้วย ไวรัสเฮนดรา (Hendra virus), ไวรัสลิสซา (Lyssavirus), และไวรัสฮันตา (Hantavirus)
ไวรัสเฮนดรา เป็นไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากสัตว์สู่คน และพบได้เฉพาะในออสเตรเลีย มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 57% ไวรัสนี้ถูกพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2537 หลังเกิดการระบาดในม้าแข่ง 21 ตัวและมนุษย์ 2 คน ที่เมืองเฮนดรา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชานเมืองบริสเบน โดยข้อมูลจาก WHO ระบุว่า ไวรัสชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากค้างคาวผลไม้
ไวรัสฮันตา เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่จากสัตว์สู่คนได้ มีต้นกำเนิดในหนู และแพร่กระจายผ่านมูล ปัสสาวะ และน้ำลาย เมื่อมนุษย์ติดเชื้อ จะก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฮันตา ซึ่งอาการมักจะมีไข้, หนาวสั่น, คลื่นไส้, ท้องเสีย, และมีของเหลวอยู่ในปอด ข้อมูลจากศูนย์ป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ระบุว่า ไวรัสชนิดนี้มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 38%
และ ลิสซาไวรัส เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคพิษสุนัขบ้า สามารถติดต่อได้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในแต่ละปี มีคนเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ประมาณ 59,000 คน