ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญ “แอม ไซยาไนด์”

(เรียบเรียงโดย ปิยะธิดา ผ่านจังหาร)

ย้อนกลับช่วงกลางปี 2566 มีข่าวใหญ่เปิดโปงคดีสะเทือนขวัญที่หญิงคนหนึ่งตกเป็นผู้ต้องหา วางยาพิษฆ่าคนรู้จักเพื่อชิงทรัพย์สินเงินทอง มีเหยื่อมากกว่า 10 ราย โดยที่จุดเริ่มต้นของการเปิดโปงนี้มาจากการหายตัวไปของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ข่าวเวิร์คพอยท์23 จะพาทุกท่านย้อนกลับไปไล่เรียงไทม์ไลน์ของคดีสะเทือนขวัญ ““แอม ไซยาไนด์”

14 เม.ย. 2566 น.ส.ศิริพร หรือ ก้อย หายตัวไปและถูกพบว่าเสียชีวิตริมท่าน้ำในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พี่สาวจึงติดต่อเพื่อนของก้อยที่ชื่อ “แอม” เพื่อสอบถามข้อมูลการเสียชีวิตก้อยเพิ่มเติม แต่เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่มีรู้เรื่อง เนื่องจากตอนนั้นอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุทธยา

15 เม.ย. 2566 ด้านครอบครัวผู้เสียชีวิตพบว่าทรัพย์สินของก้อยหายไป ได้แก่ กระเป๋าหลุยส์ มือถืออีก 2 เครื่อง และรถเก๋ง 1 คัน รวมถึงเงินสดกว่า 4 หมื่นบาท พร้อมโพสต์ภาพตามหาผู้หญิงเสื้อขาว จากภาพกล้องวงจรปิดที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง สืบหาข้อเท็จจริงมาได้ ซึ่งมีข้อสงสัยว่าผู้หญิงเสื้อขาวคือ “แอม”

19 เมษายน 2566 หลังเจอเบาะแสมากขึ้น ทาสงครอบครัวของก้อยได้ติดต่อ นายรพี ชำนาญเรือ แกนนำประชาชนเพื่อประชาชน เข้าแจ้งความกองบังคับการปราบปรามหลังพบพิรุธการเสียชีวิตของก้อย

20 เม.ย. 2566 มีผู้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีผู้เสียชีวิตในลักษณะคล้ายกับก้อย โดยส่วนใหญ่อยู่ใน จ.ราชบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ซึ่งทุกคนอยู่ในแวดวงเท้าแชร์ ตำรวจ และภรรยา ต่างมีความสัมพันธ์เรื่องเงินกับ “แอม” และก่อนที่จะมีการเสียชีวิตของแต่ละคน “แอม” มักจะอยู่กับผู้เสียชีวิตเป็นคนสุดท้ายเสมอ

25 เมษายน 2566 ตำรวจกองบังคับการปราบปราม เข้าจับกุม นางสรารัตน์ หรือที่ได้ฉายาจากสื่อในภายหลังว่า “แอม ไซยาไนด์” ที่บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ พร้อมยึดของกลางไซยาไนด์ ไปตรวจสอบ จากการสืบสวนคาดว่า “แอม ไซยาไนด์” หวังลักทรัพย์จึงผสมไซยาไนด์ให้ผู้ตายรับประทาน และแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เผยผลตัวอย่างเลือดของผู้ตาย พบสารกลุ่มไซยาไนด์ ซึ่งเป็นสารอันตรายต่อชีวิตที่ไม่ควรจะพบในคน

ระหว่างการสืบสวนคดีของเท้าแชร์ก้อย ตำรวจพบว่านางสรารัตน์ ยังมีความเชื่อมโยงกับเหยื่ออีก 14 ราย เสียชีวิต 13 ราย และรอดชีวิต 1 ราย ดังนี้

1. น.ส.มณฑาทิพย์ ชาว จ.กำแพงเพชร เสียชีวิต เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2558 ที่ กทม. ก่อนเสียชีวิตเธอเดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยมี “แอม ไซยาไนด์” เป็นคนขับรถไปรับที่สนามบิน

2. น.ส.นิตยา อายุ 36 ปี เสียชีวิต เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2563 ในบ้านพัก ในพื้นที่ ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม สาเหตุการตายมาจากระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว โดยพบว่าผู้เสียชีวิตเป็นคนค้ำประกันเงินกู้ให้กับ “แอม ไซยาไนด์” และ พบว่า “แอม ไซยาไนด์” อยู่ด้วยในคืนสุดท้าย

3. น.ส.ดาริณี หรือ ฟ้า อายุ 34 ปี เสียชีวิตด้วยสาเหตุกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2563 ที่ ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม มีทรัพย์สินสูญหาย 60,000 บาท

4. นายสุรัตน์ อายุ 35 ปี เสียชีวิตด้วยสาเหตุหลอดเลือดหัวใจตีบ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 ที่บ้านพักในพื้นที่ ตำบลท่าไม้ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ช่วงเสียชีวิตพบเงินจากบัญชีธนาคาร ถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของ “แอม ไซยาไนด์” เป็นเงิน 60,000 บาท

5. ร.ต.อ.หญิง กานดา หรือ ผู้กองนุ้ย อายุ 36 เสียชีวิตด้วยสาเหตุระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2565 ที่บริเวณหน้าห้างโกลบอล จังหวัดนครปฐม และพบว่าผู้เสียชีวิตได้ร่วมวงแชร์ 100,000 บาท กับ “แอม ไซยาไนด์”

6. น.ส.รสจินทร์ หรือ เจ๊น้อยขายผัก เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2565 ที่ตลาดมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ด้วยสาเหตุเลือดเป็นกรด และพบว่า ได้ร่วมวงแชร์ 100,000 บาทกับ “แอม ไซยาไนด์”

7. นางจันทร์รัตน์ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2565 ที่บ้านพักในพื้นที่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ด้วยสาเหตุโลหิตล้มเหลว และมีประวัติร่วมลงทุนปล่อยเงินกู้ 70,000 บาท

8. นางมณีรัตน์ หรือ ครูต่าย เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2565 ที่ ตลาดบน-ตลาดล่าง พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ด้วยสาเหตุเส้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน ก่อนเสียชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ได้โทรศัพท์ และ มานัดเจอกับครูต่าย

9. น.ส.กะณิกา อายุ 44 ปี เสียชีวิต เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2565 ที่ปั๊ม ปตท. บริเวณวงเวียน โพธาราม จังหวัดราชบุรี ด้วยสาเหตุหลอดเลือดในสมอง ในช่วงเสียชีวิต พบว่า เงินในบัญชีธนาคารถูกถอนออกไป 300,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำสูญหายไปอีกอย่างละเส้น

10. น.ส.ผุสดี หรือ ครูอ๊อด อายุ 39 ปี เสียชีวิต วันที่ 20 พ.ย. 2565 ในบ้านพัก ตำบลลำบัว อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม สาเหตุมะเร็งเม็ดเลือด มีภาวะระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว โดยพบว่า ร่วมวงแชร์ 100,000 บาทกับ “แอม ไซยาไนด์”

11. นายสุทธิศักดิ์ อายุ 35 ปี สามีใหม่ พ่อของเด็กในท้อง “แอม ไซยาไนด์” เสียชีวิตด้วยสาเหตุหัวใจเต้นผิดจังหวะ เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2566 ที่บ้านพักในพื้นที่ ตำบลสามพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำ และสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 8 บาท พระเครื่องมูลค่า 100,000 บาท และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง

12. พ.ต.ต.หญิง นิภา แสนจันทร์ อายุ 38 ปี สาเหตุระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2566 ที่บ้านเลขที่ 196 ถนนเทศา ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยทรัพย์สินที่สูญหายประกอบด้วยเงินสด 10,000 บาท และเงินในบัญชีธนาคารถูกถอนออกไป 140,000 บาท

13. น.ส.สาวิตรี หรือ หนิม อายุ 40 ปี เจ้าหนี้ของ“แอม ไซยาไนด์” ยอดหนี้หลักแสนบาท เสียชีวิตในพื้นที่ จังหวัดมุกดาหาร หลังกินยาลดความอ้วนตามที่ “แอม ไซยาไนด์” ชวนกิน

ส่วนผู้รอดชีวิต 1 ราย คือ

14. นางกานติมา หรือ ปลา อายุ 36 ปี ภรรยาตำรวจ เหตุเกิด เดือน ก.ย. 2565 ที่ ห้างแห่งหนึ่ง จ.กาญจนบุรี โดย “แอม ไซยาไนด์” ติดหนี้ 250,000 บาท (ใช้มาแล้วกว่า 50,000บาท) 

แนวทางการสืบสวนพบว่า “แอม ไซยาไนด์” ติดพนันออนไลน์ มีหนี้ในระบบและนอกระบบจำนวนมาก จึงต้องหาเงินมาชดใช้คืน โดยคดีนี้ใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมากกว่า 3 เดือน จนสามารถสรุปสำนวนดำเนินคดีได้ รวม 15 คดี ประกอบด้วย

ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ, ชิงทรัพย์โดยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภค บริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้, การปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอม และใช้เอกสารปลอมฯ รวมกว่า 75 ข้อหา

19 กรกฎาคม 2566 พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสรารัตน์ หรือ “แอม ไซยาไนด์” ฐานวางยาฆ่าชิงทรัพย์เท้าแชร์ก้อย ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามี “แอม ไซยาไนด์” และ น.ส.ธันย์นิชา หรือ ทนายพัช ถูกสั่งฟ้องข้อหา ฐานช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง และร่วมกันซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน แต่จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

20 พฤศจิกายน 2566 ศาลนัดตรวจหลักฐานและนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม - 12 กันยายน 2567 นัดสืบพยานฝ่ายจำเลย 13 กันยายน - 19 กันยายน 2567 หลังเสร็จสิ้นกระบวนการ ศาลจะกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง

ล่าสุดวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ศาลอาญา มีคำพิพากษา ประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ในคดีวางยาพิษฆ่า น.ส.ศิริพร ส่วนอดีตสามีนายตำรวจให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน และทนายพัชโดนจำคุก 2 ปี ฐาน ช่วยเหลือผู้ต้องหาและช่วยซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน