"พระสายเขียว" ตบลูกศิษย์ถูกจับสึกเมื่อคืน ล่าสุดขับรถตกคลอง

"พระสายเขียว" ตบลูกศิษย์ถูกจับสึกเมื่อคืน ล่าสุดขับรถตกคลอง

171706 เม.ย. 68 22:23   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

"พระสายเขียว" ตบลูกศิษย์ถูกจับสึกเมื่อคืน ล่าสุดขับรถตกคลอง ผู้เห็นเหตุการณ์อ้างบอกจะไปบวชที่อยุธยาฯ

(6 เม.ย.68) คืบหน้าจากกรณีเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีมหาโพธิ ได้รับแจ้งว่ามีพระตกรถไม่มีรถกลับวัด ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งอยู่ริมถนนสาย 304 มุ่งหน้าบ้านครองรั้ง ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพร้อมให้การช่วยเหลือ และได้พามาพักที่ที่ป้อมตำรวจจุดประสพโชค และได้ประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 20 ไปส่งที่วัด 


เบื้องต้นจากการสอบถามพระสงฆ์รูปนี้ทราบว่าชื่อหลวงตาตุ้ม อายุ 63 ปี โดยให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าบวชมาแล้ว 23 พรรษา โดยได้เดินทางมากับรถกระบะพร้อมด้วยลูกศิษย์ชื่อเจี๊ยบและพระอีก 1 รูป ชื่อหลวงตาแม้น ได้เดินทางมาจากจังหวัดสระแก้ว พอมาถึงปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุทางหลวงตาตุ้มได้บอกกับทางนายเจี๊ยบคนขับรถ ให้จอดรถซื้อสเปรย์เพื่อที่จะมาฉีดพ่นรถที่เกิดจากอุบัติเหตุบริเวณกันชนด้านหน้าฝั่งซ้าย จากนั้นตนก็ถูกทิ้ง ซึ่งตนจ้างนายเจี๊ยบมาขับรถให้วันละ 300 บาท ซึ่งเรื่องบาดหมางนั้นไม่มี แต่ทางด้านนายเจี๊ยบมักจะชอบเถียงตนในเรื่องของเส้นทาง จึงทำให้ตนรู้สึกโมโห และพูดออกไปว่าจะตบให้เลือดตบปาก จากการตรวจสอบพบว่าพระสงฆ์รูปดังกล่าวมีสเปรย์อยู่ภายในถุงพลาสติก และยังมีถุงก๋วยเตี๋ยวที่บรรจุเส้นหมี่เหลืองพร้อมน้ำซุปและเครื่องปรุงอยู่ภายในถุงหิ้ว โดยพระสงฆ์รูปดังกล่าวมีอาการฉุนเฉียวหัวร้อน


ต่อมาเมื่อเวลา 20:30 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจรถยนต์ของ สภ.ศรีมหาโพธิ ได้ตรวจสอบและทราบแน่ชัดว่าหลวงตาตุ้มได้จำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จึงได้นำรถสายตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจพาหลวงตาตุ้มไปส่งที่วัดดังกล่าว หลังจากที่หลวงตาตุ่มไปถึงวัดก็ได้เดินดิ่งไปหาทางด้านนายเจี๊ยบและหลวงตาแม้นที่นั่งอยู่บริเวณม้าหินอ่อนภายในวัด ก่อนเดินเข้าไปตบบริเวณใบหน้าของนายเจี๊ยบจนเสียงดังลั่นวัด 


จากนั้นนายเจี๊ยบได้ลุกขึ้นมากอดปล้ำกับทางหลวงตาตุ้ม ขณะเดียวกันได้มีชาวบ้านได้มาห้ามและแยกทางหลวงตาตุ้มกับนายเจี๊ยบออก โดยทางหลวงตาตุ้มยังได้ก้มหยิบขวดน้ำที่ร่วงอยู่บริเวณพื้นเขวี้ยงใส่หน้านายเจี๊ยบ ก่อนที่จะเดินปรี่ไปตบบริเวณท้ายทอยหลวงตาแม้นที่ยืนอยู่ใกล้กัน ชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุและรักษาการเจ้าอาวาสได้เข้ามาห้ามปรามก่อนที่หลวงตาตุ้มจะเดินกลับขึ้นไปกุฏิ 


เบื้องต้นจากการตรวจสอบภายในกุฏิหลวงตาตุ้ม พบว่ายังคงมีข้าวกล่อง ห่ออาหารวางอยู่บริเวณกลางห้อง และยังมีหม้อหุงข้าวที่เสียบปลั๊กไว้อยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังต้องผวาเพราะว่ายังพบถุงกัญชาเพิ่มเติมอีก 1 ห่อ ภายในกุฏิ โดยหลวงตาตุ้มยอมรับว่าทางหลวงตาตุ้มต้องฉันท์ข้าวตลอดเวลาที่หิว เพราะถ้าหากไม่ฉันข้าวแล้วไปทานยาจะกัดกระเพาะจนตาย ทางคณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณภายในห้องโดยสารของรถกระบะ toyota ที่หลวงตาตุ้มอ้างว่าเป็นรถของตนนั้น เบื้องต้นพบกัญชาที่ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกจำนวน 2 ห่อ และทางหลวงตาตุ้มยอมรับว่าตนมีการเสพกัญชาทุกวันเพราะการเสพกัญชาทำให้ตนรู้สึกได้อารมณ์เข้าถึงกรรมฐาน ทำให้จิตนิ่งและทำให้เข้าถึงในพระธรรม ซึ่งกัญชาที่ตนใช้เสพนั้นจะมีเด็กมาส่งและตนสั่งแต่ละครั้ง ครั้งล่ะ 2 ห่อห่อละ 100 บาท แต่ตนจะดูดกัญชาพันลำดูด ไม่ได้ดูดเป็นบ้อง ซึ่งถ้าหากดูดเป็นบ้องการพกพาไปไหนมาไหนจะไม่สะดวก 


ทางด้านคณะสงฆ์และชาวบ้านได้มีความเห็นว่าควรให้หลวงตาตุ้มสึกออกจากวัดไป ทางด้านหลวงตาตุ้มขณะนั้นไม่ยอมสึกแต่ท้ายที่สุดก็ต้องยอมสึก หลังจากที่นายตุ้มได้สวมใส่ชุดฆราวาสก็ยังได้มีอาการเกรี้ยวกราดไม่ยอมที่จะออกจากวัด จนทางเจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องจับตัวขึ้นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อไปพักสงบสติอารมณ์ที่สภ.ศรีมหาโพธิ


ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 8:00 น ของวันที่ 6 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิสว่างบำเพ็ญแล้วธรรมสถาน ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถยนต์กระบะเสียหลักลงข้างทางบริเวณถนนปราจีน-ศรีมหาโพธิ หมู่ที่ 5 ตำบลท่างาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุนั้นพบรถกระบะ Toyota สีบรอนซ์เงิน เสียหลักลงข้างทางลึกประมาณ 2 เมตร หลังรถกระบะพบสัมภาระเป็นที่นอนพัดลมและเครื่องอัฐบริขารของพระตกกระจายเกลื่อน เบื้องต้นในที่เกิดเหตุนั้น พบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมานายนาริน อายุ 63 ปี มีแผลแตกบริเวณศีรษะ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิ จึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำส่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเพื่อทำการรักษา


จากการสอบถามนายกมล อายุ 64 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เขาบอกว่ามาคนเดียวออกเบลอๆ มาจากเกาะเค็ด บอกว่าจะไปที่อยุธยา จะไปบวช ส่วนข้าวของบนรถคล้ายๆของสังขละบริขารเต็มรถ คล้ายๆว่าขนมาจากที่ไหน จะไปที่ไหนสักอย่าง ตนก็ไม่เคยคุ้นหน้าไม่เคยรู้จัก ตนดูข่าวเมื่อวานนี้อยู่แต่ก็ไม่คิดว่าจะใช่หรือไม่ใช่ พอมูลนิธิมาก็ได้แจ้งหากันก็เลยรู้ว่าเป็นพระที่ถูกจับสึกนี่หว่า เป็นพระที่มีปัญหาทะเลาะกันหรือมีคดีอะไรก็แล้วแต่ แต่ลักษณะ เขาจะดูเบลอๆ ไม่รู้ว่าจะเมาเหล้าหรือเมาอะไรมา ส่วนที่เกิดเหตุนั้น ทางเขาได้พูดเองว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนก็เลยหลับใน


เบื้องต้นจากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่าทางด้านนายตุ้มหรือนายนาริน ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรและไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat