“อี้” แฉ “หมอบุญ” เตรียมเผ่นอีกรอบ - หลัง 12 ธ.ค. เหยื่อมาอีกเพียบ

“อี้” แฉ “หมอบุญ” เตรียมเผ่นอีกรอบ - หลัง 12 ธ.ค. เหยื่อมาอีกเพียบ

14426 พ.ย. 67 15:53   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“อี้ แทนคุณ” แฉ “หมอบุญ” เตรียมเผ่นไปยุโรป หวังตำรวจไทย-สากลตามจับได้ พร้อมให้จับตาดูหลังวันที่ 12 ธ.ค. เหยื่อจะโผล่อีกเพียบ

(26 พ.ย. 67) ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าหลังพาผู้เสียหาย 2 ราย เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นพ.บุญ วนาสิน  หรือหมอบุญ ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลชื่อดัง ว่ายังมีผู้เสียหายติดต่อมาเรื่อย ๆ ทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียง เป็นผู้สูงอายุมีหน้ามีตาในสังคม


เคสผู้เสียหายมูลค่านับ 1,000 ล้านบาทก็มี แต่ผู้เสียหายป่วยเพราะรับสภาพไม่ไหว และหลังจากวันที่ 12 ธันวาคมนี้จะมีอีกเยอะมาก เพราะ ตั๋วที่ใช้แทนหุ้นชุดเดิมจะหมดอายุ หรือถึงวาระที่จะต้องชำระ ในวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งตนคาดการณ์ว่าน่าจะไม่มีชำระ ดังนั้นอยากให้ผู้เสียหายได้เตรียมเอกสารหลักฐานการโอนและหลักฐานการทำสัญญาทุกอย่าง เพื่อดำเนินการแจ้งความ ร้องทุกข์ กล่าวโทษ ที่กองปราบปรามได้ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวน 500-600 ราย


นายแทนคุณ กล่าวว่า  กรณีของหมอบุญ จะต่างกับกรณีดิไอคอน เพราะมีผู้เสียหายน้อยกว่าแต่มูลค่าความเสียหายมากกว่า โดยผู้เสียหายได้เล่าให้ฟังว่ากรณีหมอบุญมีค่าเสียหายมูลค่าแตะถึง 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะค่อย ๆ รวบรวมหลักฐานต่อไป


นายแทนคุณ กล่าวว่า ได้รับข้อมูล มาว่า ขณะนี้หมอบุญ นอกจากอยู่ที่ประเทศจีนแล้วก็เตรียมที่จะ หนีไปบางประเทศโซนยุโรป ที่มีคอนเนคชั่นอยู่ ซึ่งตนหวังว่าเจ้าหน้าที่จีนและตำรวจไทย จะประสาน ตำรวจสากลเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็ววัน


เมื่อถามว่า กรณีที่เพื่อนร่วมรุ่นของนายแพทย์บุญถูกโกงเช่นกัน แต่นายแพทย์บุญกลับบอกว่าไม่ได้ตั้งใจนั้น นายแทนคุณ กล่าวว่า ความตั้งใจของคนควรวัดจากการกระทำดีกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องไปพิสูจน์กัน ตนไม่อยากก้าวล่วงถึงเจตนาของนายแพทย์บุญ


แต่สิ่งที่นายแพทย์บุญทำถือว่าสาหัสมากนักกรณีออกเช็คเด้ง ซึ่งสะท้อนถึงเจตนาของท่านรวมไปถึงการให้เอกสารต่างๆ เช่นโฉนดที่ดิน แต่ไม่สามารถนำไปโอนได้ และจากข้อมูลที่ได้รับไม่ใช่เรื่องของการปลอมแปลงลายเซ็น อาจเป็นเรื่องที่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ เพราะตอนนี้มีคนพยายามพลิกตัวเองไปเป็นผู้ประสบภัยด้วยซึ่งอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง