เจ้าอาวาสวัดม่วง บางแค เปิดใจครั้งแรก หลังเงินสด 10 ล้านบาท-ทองคำน้ำหนัก 250 บาท หายไปจากกุฏิ

เจ้าอาวาสวัดม่วง บางแค เปิดใจครั้งแรก หลังเงินสด 10 ล้านบาท-ทองคำน้ำหนัก 250 บาท หายไปจากกุฏิ

68103 ก.ค. 68 12:37   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เจ้าอาวาสวัดม่วง บางแค เปิดใจครั้งแรก หลังเงินสด 10 ล้านบาท-ทองคำน้ำหนัก 250 บาท หายไปจากกุฏิ ยัน เป็นทรัพย์สินส่วนตัว ไม่ใช่ของวัด “เก็บเอง ใช้เอง ตั้งใจนำไปทำบุญ แจกเด็กนักเรียน และใช้ในการหล่อพระทองคำ”

(3 ก.ค.68) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์เงินและทองคำของเจ้าอาวาสวัดม่วงหาย ตั้งแต่ช่วงเช้า พระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง ได้เป็นผู้นำประชุมคณะสงฆ์ภายในอุโบสถหลังเก่า โดยภายหลังการประชุมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ พระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง ภายในอุโบสถหลังเก่า 


ต่อมาหลังจากสำงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเข้าสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าอาวาสเสร็จ ก็ได้นิมนต์เจ้าอาวาสไปชี้จุดในที่เกิดเหตุ โดยระหว่างที่กำลังนิมนต์เจ้าอาวาสไปยังจุดเกิดเหตุนั้น สื่อมวลชนได้สอบถามข้อเท็จจริงกับเจ้าอาวาส ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าอาวาสได้ออกมาให้ข้อมูล หลังจากเกิดเรื่อง พระราชวัชรพัฒนาทร เจ้าอาวาสวัดม่วง ชี้แจ้งถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกรณีเงินสดประมาณ 10 ล้านบาท และ ทองคำน้ำหนัก 250 บาท ยืนยันว่า เงินและทองคำที่สูญหายเป็นทรัพย์สินส่วนตัวไม่ใช่ของวัด “ผมเก็บเอง ใช้เอง ตั้งใจนำไปทำบุญ แจกเด็กนักเรียน และใช้ในการหล่อพระทองคำ” 


โดยเงินจำนวนดังกล่าวถูกนำออกจากธนาคารโดย มีนายเดี่ยวและนายเบียร์ เดินทางไปที่ธนาคารด้วย โดยเงินได้นำใส่กระเป๋า และเมื่อ เดินทางกลับมาถึงกุฏิ อาตมาได้เอาไว้ใต้โต๊ะ ซึ่งเอาผ้าคลุมไว้ ส่วนสาเหตุที่ไม่เอาเงินเข้าตู้เซฟเพราะว่าตู้เซฟเต็ม อีกทั้งไม่มีใครทราบจุดซ่อนเงิน ยกเว้นตนเอง


ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุทรัพย์สินที่วัดหายมาแล้ว 1 ครั้ง เป็นทองคำ น้ำหนัก 300 บาท โดยหายไป 50 บาท แต่อาตมาไม่ได้แจ้งความ เพราะว่า ไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย และเกรงจะทำให้วัดเสียชื่อเสียง “ยอมเสียเงิน ดีกว่าเสียชื่อเสียงวัดที่สะสมมา 50 กว่าปี” 


ต่อมาเมื่อถูกถามถึงระบบกล้องวงจรปิด หลวงพ่อเปิดเผยว่า สาเหตุที่กล้องเปิดไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะมีภาพที่ไม่เหมาะสมหลุดออกไป ซึ่งกล้องจะใช้เวลาที่ตนเดินทางไปต่างประเทศตนก็จะเปิดใช้งานตามปกติ


ขณะเดียวกันหลวงพ่อยังปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้ที่กล่าวหา (พระนิทัศน์) พร้อมระบุว่าอาจเป็นเพราะ ความขัดแย้งส่วนตัว กับพระบางรูปที่ถูกตัดชื่อออกจากวัด สาเหตุมาจากพระรูปดังกล่าวประพฤติชั่ว


ซึ่งพระรูปดังกล่าวเคยกล่าวไว้ว่า จะรอวันที่อาตมาพลาด ถึงแม้จะผ่านมาเป็นระยะเวลา 10 ปีก็จะเล่นงาน


ในช่วงท้าย หลวงพ่อย้ำความบริสุทธิ์ใจ พร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด และยืนยันว่า บัญชีวัดกับบัญชีส่วนตัวแยกชัดเจน มีคณะกรรมการวัดเป็นผู้ดูแล “ผมไม่กลัวการตรวจสอบ ผมไม่ได้ทำผิดอะไร” 


เมื่อถูกถามว่าอยากได้เงินทองที่หายไปคืนหรือไม่ หลวงพ่อตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “แน่นอนอยากได้คืน จะได้นำไปทำบุญสร้างประโยชน์ต่อสังคม”


เหตุการณ์นี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะต้องพิสูจน์ทรัพย์สินและเส้นทางการเงินตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat