คืบหน้า!โครงการ"เที่ยวไทยคนละครึ่ง"ตัดเหลือแค่ 5 แสนสิทธิ ลดลงจากเดิม 1 ล้านสิทธิ

คืบหน้า!โครงการ"เที่ยวไทยคนละครึ่ง"ตัดเหลือแค่ 5 แสนสิทธิ ลดลงจากเดิม 1 ล้านสิทธิ

28310 มิ.ย. 68 18:46   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

คืบหน้า!โครงการ"เที่ยวไทยคนละครึ่ง"ตัดเหลือแค่ 5 แสนสิทธิ ลดลงจากเดิม 1 ล้านสิทธิ เนื่องจากงบฯถูกเกลี่ยไปใช้โครงการอื่น

(10มิ.ย.68) นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง จำนวนสิทธิในการสนับสนุนการเดินทางจากรัฐบาลจะอยู่ที่ 5 แสนสิทธิ ลดลงจากเดิมที่ตั้งไว้ 1 ล้านสิทธิ เนื่องจากงบประมาณที่วางแผนไว้จะใช้ดำเนินโครงการอยู่ที่ 1,780 ล้านบาท ถูกเกลี่ยไปใช้กับโครงการกระตุ้นตลาดต่างประเทศ ในส่วนของการสนับสนุนทั้งเที่ยวบินประจำ และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ทำให้ต้องปรับลดจำนวนสิทธิลง โดยเป็นการสมทบค่าโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ในสัดส่วน 50% ไม่แตกต่างจากเดิม ยกเว้นตั๋วเครื่องบินเท่านั้นที่ไม่สามารถใช้งานได้ ยืนยันว่าจะสามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ภายในเดือน ก.ค. นี้ 


“ส่วนการทำการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปดำเนินการ คาดกลางเดือน มิ.ย. ว่าจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ทั้งในภาคประชาชนและผู้ประกอบการ ซึ่งไม่ต้องรองบประมาณที่จะเสนอเข้า ครม. สามารถดำเนินการล่วงหน้าได้ ส่วนงบประมาณที่เตรียมเสนอเข้า ครม. คาดว่าจะเสนอเข้า ครม. ทันภายในเดือน มิ.ย. นี้ โดยบ่ายวันนี้ (10 มิ.ย.) คณะอนุกรรมการกลั่นกรองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จะนำเข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันที่ 11 มิ.ย. 2568 ต่อไป” 


ทั้งนี้ รูปแบบการดำเนินโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ขณะนี้จัดทำไว้ 2 แบบ ได้แก่ 


1.รัฐบาลสนับสนุนแบ่งเป็นเที่ยวเมืองหลัก รัฐบาลสมทบให้ 40% ประชาชนจ่ายเอง 60% เที่ยวเมืองรองหรือเมืองน่าเที่ยว รัฐบาลสมทบให้ 50% ประชาชนจ่ายเอง 50% 

2.แยกการใช้เดินทางเที่ยววันธรรมดาจันทร์-ศุกร์ รัฐบาลสมทบให้ 50% ประชาชนจ่ายเอง 50% แต่หากเที่ยววันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รัฐบาลสมทบให้ 40% ประชาชนจ่ายเอง 60% 


โดยกำหนดจำนวนสิทธิให้ใช้ได้อยู่ที่ 5 สิทธิต่อคน ใช้จ่ายในโรงแรมที่พักสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน รวมถึงมีคูปองดิจิทัลใช้จ่ายในร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าโอทอป และแหล่งท่องเที่ยวได้ด้วย ส่วนมูลค่าจะอยู่ที่เท่าใด ยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง


ข่าวเวิร์คพอยท์23

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง