ตม.สงขลาไล่สกัดจับ ผัว-เมียต่างด้าวหัวใสรับขนเพื่อนร่วมชาติส่งแคมป์คนงานในเมืองสงขลา

ตม.สงขลาไล่สกัดจับ ผัว-เมียต่างด้าวหัวใสรับขนเพื่อนร่วมชาติส่งแคมป์คนงานในเมืองสงขลา

69207 พ.ค. 68 10:44   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ตม.สงขลาไล่สกัดจับ ผัว-เมียต่างด้าวหัวใสรับขนเพื่อนร่วมชาติส่งแคมป์คนงานในเมืองสงขลา ได้ค่าจ้าง 1,500 บาทต่อคน เช็กประวัติพบโอเวอร์สเตย์ แถมยังออกนอกพื้นที่ขออนุญาต

(7 พ.ค.68) พ.ต.ท.พัฒนพงษ์ โรจนวานิชกิจ และ พ.ต.ท.พงษ์ศิริ พิทักษ์ สว.ตม.จว.สงขลา นำกำลัง ตม.จ.สงขลา ไปจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย หลังได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีรถยนต์ 2 คัน กำลังลักลอบแรงงานเข้าในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยใช้ถนนสาย 408 เดินทางจากจังหวัดนครศรีธรรมราชมายังจังหวัดสงขลา จึงประสาน สภ.ชุมพล ร่วมจับกุมโดยวางแผนสกัดจับรถทั้ง 2 คัน 


กระทั่งพบรถยนต์ต้องสงสัย กำลังขับผ่านหน้าวัดเจดีย์งาม ชุดจับกุมจึงไล่ติดตามจนถึงหน้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบล สนามชัย อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา จึงเรียกให้หยุดรถ และแสดงตัวเป็นตํารวจ ขอตรวจเอกสารหนังสือเดินทางและใบอนุญาตขับขี่ ปรากฏว่า พบนางปาน อายุ 43 ปี บุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน แต่มีที่อยู่ในพื้นที่ หมู่ 2 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และในรถมีชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย 6 คน นั่งแออัดอยู่ 


ซึ่งนางปาน รับว่ามีรถนําพาแรงงานชาวเมียนมา มาด้วยกัน 2 คัน โดยอีกคันเป็นรถกระบะสีขาว หมวดทะเบียนสระบุรี เจ้าหน้าที่จึงกระจายกําลังไล่ติดตามรถอีกคัน ก่อนพบว่า ขับตามหลังห่างกันประมาณ 10 กิโลเมตร จึงเรียกให้หยุด เพื่อขอตรวจค้น พบนายวิน อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งนายวิน เป็นสามีของนางปาน และในรถยังพบแรงงานชาวเมียนมา หนีเข้าเมือง 6 คน 


จากการสอบสวน นางปาน และ นายวิน ให้รับสารภาพว่า ไปแรงงานหลบหนีเข้าเมืองชาวเมียนมาทั้งหมด จากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อไปส่งที่บริเวณแคมป์ก่อสร้าง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ซึ่งจะได้ค่าจ้าง 1,500 บาทต่อคน และจะรับเป็นเงินสดจากคนต่างด้าวเมื่อส่งถึงปลายทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสถานะของทั้ง 2 คน พบว่า นางปานเป็นคนไม่มีสถานะทางทะเบียน มีภูมิลําเนาอยู่ที่ จังหวัดกาญจนบุรี สามารถอยู่ในราชอาณาจักรได้ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2559 เรื่องการกําหนดเขตพื้นที่ควบคุมและการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจําพวกที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการ ชั่วคราวออกนอกเขตพื้นที่ควบคุม ฉะนั้นการเดินทางออกนอกเขตต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

 

แต่นางปาน รับสารภาพว่า เดินทางออกมาจากจังหวัดกาญจนบุรีโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าพนักงาน ฝ่ายปกครอง ส่วนนายวิน มีหนังสือเดินทาง ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย ได้ถึงวันที่ 13 ก.พ.2568 แต่ยังไม่ได้ต่ออนุญาต จึงอยู่ในราชอาณาจักรเกินกําหนด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาทั้ง 2 คน ข้อหา ร่วมกันให้การช่วยเหลือ ให้ที่พักพิงซ่อนเร้นหรือ ช่วยเหลือด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงาน เจ้าหน้าที่ และแจ้งข้อหานางปานเพิ่มเติม ข้อหา เป็นคนต่างด้าวหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม ขัดขืน หรือไม่ ยอมรับทราบคําสั่งของรัฐมนตรี คณะกรรมการ อธิบดี หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งคณะกรรมการมอบหมาย ซึ่งสั่งการแก่คนต่างด้าวผู้นั้นตามพระราชบัญญัตินี้ และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนายวิน ข้อหาเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด 


ขณะที่เจ้าหน้าที่สอบสวน แรงงานชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมือง ให้การผ่านล่ามรับว่า ต้องการมาลักลอบทํางานที่ประเทศไทย โดยเดินทางเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 พ.ค. จากนั้นก็มีรถมารับไปส่งตามจุดนัดหมายต่างๆ หลายจุด และยังเปลี่ยนรถอีกหลายคัน จนเดินทางด้วยรถทัวร์ ถึงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีนางปาน กับนายวิน มารับ ก่อนจะถูกจับกุมได้ ทั้งนี้พวกตนตกลงค่าเดินทาง 15,000 บาทต่อคน โดยจะจ่ายเมื่อถึงปลายทางแล้วเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชุมพล ดำเนินคดี


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat