อดีตทหาร ขยี้กามสาวออทิสติกโร่มอบตัว อ้างเมาอารมณ์ชั่ววูบ ปัดไม่ได้สอดใส่

(22 เม.ย.68) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่ผู้ใหญ่บ้านและผู้ปกครองได้พา น.ส.เอ อายุ 27 ปี ที่ป่วยออทิสติก เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ว่าถูกนายพงษ์เทพ หรือ นายเทพ (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นอดีตทหารที่ลาออกจากราชการ ฉุดกระชากเข้าไปในห้องน้ำ แล้วบังคับข่มขืนกระทำชำเรา ขณะที่ น.ส.เอ ผู้เสียหาย ไปรับจ้างทำความสะอาดบ้าน ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านโคกยาง ต.อีสานเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.68 ที่ผ่านมา โดยผลตรวจเบื้องต้นพบอวัยวะเพศฉีกขาด

ล่าสุดวันนี้ (22 เม.ย.68) นายพงษ์เทพ อดีตทหารที่ถูกแจ้งความกล่าวหากระทำชำเราสาวออทิสติก ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ แล้ว โดยมีภรรยาเดินทางมาด้วย

จากการสอบถาม นายพงษ์เทพ ยอมรับว่า ได้กระทำชำเรา น.ส.เอ จริง โดยอ้างว่า วันเกิดเหตุดื่มเหล้าขาวและเมาหนัก จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบ เห็น น.ส.เอ กำลังทำความสะอาดอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุคนเดียว ซึ่งเป็นบ้านของญาติ จึงได้ลากเข้าห้องน้ำไปเพื่อหวังจะข่มขืน แต่ด้วยความเมา อวัยวะเพศจึงไม่แข็งตัว จึงใช้นิ้วและลิ้นแทน ไม่ได้ใช้อวัยวะเพศสอดใส่และไม่ได้สำเร็จความใคร่ 

ผู้ก่อเหตุ อ้างด้วยว่า ไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงเป็นออทิสติก ที่ผ่านมาเคยเจอผู้เสียหาย 2 ครั้ง เห็นพูดปกติจึงไม่รู้ว่าพิการ พอก่อเหตุเสร็จก็นอนในแคร่ข้างบ้านหลังเกิดเหตุ เมื่อสร่างเมาก็กลับบ้านแล้วไปบอกภรรยา ว่าทำอะไรลไป จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้น ก็ขับรถยนต์ไปตั้งหลักที่บ้านญาติ กระทั่งทราบว่า ญาติฝ่ายหญิงพาเข้าแจ้งความ วันนี้จึงได้เดินทางมามอบตัว ยอมรับผิดในสิ่งที่กระทำและยอมรับโทษตามกฎหมาย และขอโทษฝ่ายหญิงและครอบครัวด้วยกับสิ่งที่กระทำลงไปด้วย

ด้าน น.ส.เล็ก (สงวนชื่อ-สกุลจริง) ภรรยาของนายพงษ์เทพ ผู้ก่อเหตุ บอกว่า พอรู้ว่าสามีก่อเหตุกระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งเป็นออทิสติก ก็ตกใจและรับไม่ได้ ไม่คิดว่าสามีจะทำแบบนี้ ที่ผ่านมาสามีก็มีพฤติกรรมดื่มเหล้าเมา และมีผู้หญิงหลายคน จึงได้เลิกรากันไปแล้ว แต่สามีขอกลับมาอยู่ด้วยบอกว่าไม่มีที่ไป ตนจึงใจอ่อนยอมให้มาอยู่ด้วย แต่กลับมาก่อเหตุแบบนี้ ยืนยันว่า จะไม่ประกันตัวปล่อย ให้รับโทษตามกฎหมาย  

เบื้องต้น พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหา "ข่มขืนกระทําชําเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ" ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 - 20 ปี และปรับตั้งแต่ 80,000 - 400,000 บาท - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน