ร้อง!!! ตรวจสอบรพ.เอกชนตามสิทธิ รักษาผิดพลาด พบขากรรไกรหัก 2 ข้าง

(17 มี.ค. 68) ที่ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหาย 2 ราย เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีเป็นตัวแทนรับเรื่อง

โดย นายสมหมาย ผู้เสียหาย อายุ 42 ปี เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ.68 เขาประสบอุบัติเหตุเป็นลมล้มคางแตกหน้ากระแทกพื้นหน้าบ้าน หลังเกิดเหตุได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งตามสิทธิประกันสังคม เย็บบาดแผลที่คางไป 6 เข็ม หมอแจ้งว่ามีฟันหัก 6 ซี่ แต่ทำการถอนได้เพียงแค่ 2 ซี่ เพราะเลือดไหลไม่หยุด เลยต้องหยุดการถอนเพียงแค่นี้ 

ต่อมารู้สึกปวดกรามอ้าปากไม่ได้ มีอาการทรุดหนัก มาพบแพทย์ที่ศูนย์การแพทย์xxx หมอเอกซเรย์พบ ขากรรไกรหักทั้ง 2 ข้าง ส่งตัวผู้เสียหายมาที่โรงพยาบาลxxxคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยxxx เอกซเรย์ 3 มิติ พบว่าขากรรไกรหักแตกละเอียด ทางโรงพยาบาลปฏิเสธการส่งตัว แจ้งว่าให้กลับมารักษาที่เดิมตามสิทธิประกันสังคม 

เบื้องต้น ผู้เสียหายต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเอง รวม 13,000 บาท ตอนนี้ยังไม่ได้ผ่าตัด มีการมัดฟันประคองไว้ ใช้ชีวิตทานได้เพียงแค่อาหารเหลว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงผลการรักษา และการวินิจฉัย และต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมกับสิ่งที่โรงพยาบาลดังกล่าว บกพร่องต่อการวินิจฉัย 

ด้านนางศิริพร งามขำ ญาติผู้เสียหาย บอกว่า การรักษาถูกจำกัด ให้เป็นไปตามเครือข่ายของ รพ. จึงได้ตั้งคำถามถึงสิทธิการรักษาดังกล่าวด้วย

ส่วนเคสที่ 2 นางสาวจุไรวรรณ อายุ 34 ปี ผู้เสียหาย บอกว่า ขณะตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์ หรือ 2 เดือน หมอวินิจฉัยว่าแท้งลูก จึงให้ยาปฏิชีวนะสำหรับคนแท้งกินจนพบว่าท้องใหญ่ขึ้น จึงไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลอีกแห่ง พบว่ายังตั้งครรภ์อยู่ ได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว จึงไม่แน่ใจลูกอาจจะพิการจากผลของยาที่ทานหรือไม่

ด้าน นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี เป็นตัวแทนรับเรื่อง บอกว่า เคสแรกจะส่งเรื่องให้ สำนักงานประกันสังคม หรือสปส.และหน่วยงานที่ดูแล รพ.เอกชนตรวจสอบ ปกติโรงพยาบาลเอกชนก็ต้องมีมาตรฐานการรักษาอยู่แล้ว ส่วนเคสที่สองหญิงตั้งครรภ์ที่มีการวินิจฉัยผิดพลาดว่าแท้ง เบื้องต้นทราบว่า เคสนี้เป็นคุณหมอทั่วไปมาตรวจให้ ไม่ใช้หมอสูติฯ จากนี้จะให้หมอผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบ วิเคราะห์ว่ามีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์แค่ไหน เพื่อวางแผนการตั้งครรภ์ต่อไป โดยจะดำเนินการทั้ง2 เรื่องให้เร็วที่สุด