เปิดสถิติแค่เดือนเดียว คนไทยแจ้งถูกหลอก 3,000 ล้านบาท
เปิดสถิติแค่เดือนเดียว คนไทยแจ้งถูกหลอก 3,000 ล้านบาท
เปิดสถิติแจ้งความออนไลน์ เดือนมิถุนายนเดือนเดียวคนไทยถูกหลอก 3 พันกว่าล้านบาท “คารม” แนะเหยื่อลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิเพื่อรับเงินคืน ผ่าน 3 ช่องทาง
(5 ก.ค. 67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงประชาชนคนไทยโอนเงินมูลค่าเสียหายนับแสนล้านบาทนั้น ล่าสุดจากข้อมูล พบว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดทรัพย์เป็นของกลางแล้ว ดังนี้ เงินสดรวมได้ประมาณ 6,000,000,000 บาท อสังหาริมทรัพย์อีกจำนวนหนึ่งประมาณ 4,000,000,000 บาท รวมกันแล้วประมาณ 10,000,000,000 บาท
สำหรับทรัพย์สินยึดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องเฉลี่ยทรัพย์คืนให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย หลังจาก ปปง. ยึดทรัพย์มาแล้ว โดยจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ภายใน 90 วัน เพื่อให้ประชาชนมายื่นคําร้องขอรับการคุ้มครองสิทธิ ซึ่งผู้เสียหายจะได้รับเงินชดใช้คืนเมื่อศาลมีคําสั่งหรือคําพิพากษาถึงที่สุดให้ผู้เสียหายได้รับเงินชดใช้คืนแทนการสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
สำหรับผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถยื่นคําร้องขอคุ้มครองสิทธิ ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้
- ยื่นด้วยตนเอง ณ สํานักงาน ปปง.
- ยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนส่งถึง สำนักงานป้องกันและปราบการฟอกเงิน เลขที่ 422 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โดยวงเล็บ 2 มุมซองด้านบนว่า “ส่งแบบคําร้องขอ คุ้มครองสิทธิรายคดี....” และ
- ยื่นทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง https://khumkrongsit.amlo.go.th
สำหรับกรณีการหลอกลงทุนที่ผู้ถูกหลอกลวงได้รับผลตอบแทนมากกว่าหรือเท่ากับที่ลงทุนไม่นับเป็นผู้เสียหาย หากยื่นคำร้องโดยทราบว่าตนไม่ใช่ผู้เสียหาย หรือยื่นคำร้องโดยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย จะมีโทษตามกฎหมาย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-219-3600 หรือ โทร 1710
นอกจากนี้ผลการแจ้งความออนไลน์ ผ่าน https://www.thaipoliceonline.com ระหว่างวันที่ 1 - 30 มิถุนายน 2567 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 35,379 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 3,437,689,020 บาท เฉลี่ย 114,589,643 บาทต่อวัน ผลการอายัดบัญชี จำนวน 10,713 บัญชี ยอดขออายัด จำนวน 1,404,539,300 บาท ยอดอายัดได้ จำนวน 719,057,785 บาท
สำหรับประเภทคดีออนไลน์ที่มีการแจ้งความมากที่สุด 5 อันดับแรก มีดังนี้
- หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (ไม่เป็นขบวนการ) มูลค่าความเสียหาย 160,929,368 บาท
- หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 583,012,851 บาท
- หลอกให้กู้เงิน มูลค่าความเสียหาย 145,768,931 บาท
- หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 1,427,157,157 บาท และ
- หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่น มูลค่าความเสียหาย 235,952,533 บาท
ทั้งนี้ จากรายงานข้อมูลดังข้างต้น ยังมีประชาชนหลงกลตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ขอประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ ที่เชิญชวน ชักชวนโดยวิธีการต่างๆ หากถูกหลอก สามารถแจ้งความออนไลน์ที่ https://www.thaipoliceonline.com หรือสอบถามที่เบอร์ 1441 หรือ 081-866-3000