นายกฯโต้นักข่าวถามปมชายแดนถูกล้ำพื้นที่เข้ามาแล้ว 200 เมตร
นายกฯโต้นักข่าวถามปมชายแดนถูกล้ำพื้นที่เข้ามาแล้ว 200 เมตร

นายกฯ ย้ำ จุดยืนรัฐบาลไทยใฝ่สันติวิธี ใช้เวที JBC หาทางออก โต้เดือด! หลังสื่อถามว่า นายกรู้ไหม ทหารกัมพูชาล้ำไทย 200 เมตร แขวะสื่อทันที ดูหน้างานหรือยัง
(4 มิ.ย.68) หลังประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทยและกัมพูชาว่า ได้เน้นย้ำที่ประชุม ค.ร.ม.ให้รวมกันเป็นหนึ่ง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้คนไทยต้องรักและสามัคคีกัน ไม่ใช่การเมืองในประเทศที่มาแบ่งฝ่าย จะต้องมาแบ่งว่าฝ่ายทหาร ฝ่ายบริหารทำงานดีไม่ดี เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันและขอความร่วมมือจากทุกสื่อ เมื่อมีปัญหาระหว่างประเทศ คนไทยต้องสามัคคีกันถึงจะมีแรงเจรจากันต้องใช้ความรักกันคนในชาติ การแสดงความคิดเห็นหรือปล่อยข่าวลวง
ย้ำว่ารัฐบาลทำเรื่องนี้เต็มที่ ต้องรักษาอธิปไตยของเราไว้และเป็นสิ่งที่ต้องทำพร้อมย้ำว่า รัฐบาล และทหารคุยกันตลอด พร้อมยกตัวอย่างเนื้อเพลงชาติ “ไทยนี่รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” เราเตรียมพร้อมรักษาความปลอดภัยของคนไทยทุกคน อย่าสงสัยถึงการเตรียมความพร้อม ได้เตรียมอุปกรณ์ไว้พร้อม เผื่อมีการปะทะกันขึ้นมา เราก็ต้องพร้อมรับมือ เราไม่ใช่ประเทศสันติวิธีที่หากเกิดเหตุที่ผิดพลาดไม่พร้อมแบบนั้นไม่ได้ เราต้องพร้อมที่จะต้องรับมือทุกรูปแบบ แต่เราเลือกสันติวิธี ไม่อยากให้มีการปะทะหรือเสียเลือดเนื้อไม่ว่าจะเป็นคนประเทศไทยก็ตาม
ขณะนี้ยังพูดคุยได้ในทุกระดับ วันนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะลงไปดูเหตุการณ์ จะคุยในคณะกรรมการ JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.68 แต่ก่อนจะถึง เราต้องคิดเสมอว่า คนในชาติต้องรักและเข้าใจกันว่าความร่วมมือกันสำคัญมาก การพูดคุยในแต่ละระดับของไทยและกัมพูชาไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ ขออย่ามองเป็นการเมืองภาคเล็กที่คนไม่สนับสนุนกันที่ต้องมาต่อสู้กัน ไม่ใช่นาทีนี้ คนไทยต้องรวมพลังกันปกป้องพื้นที่ของเรา
จากนั้น นายกฯได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวถาม โดยผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ชายแดนไทยและกัมพูชาเป็นขบวนการสมคบคิดระหว่างคนไทยและกัมพูชาเพื่อจุดไฟชายแดน หวังผลทางการเมืองหรือไม่ นายกฯ ถามกลับว่า มีขบวนการสมคบคิดอะไร ผู้สื่อข่าวตอบว่าคนไทยและกัมพูชา นายกฯตอบว่า ไม่มีแบบนั้น คิดว่าไม่มี
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯอยากจะชี้แจงกรณีโซเชียลโจมตีนายกมากเกี่ยวกับท่าทีของนายกฯในช่วงที่ผ่านมาที่มีการผูกโยงตระกูลชินวัตรเกี่ยวดองกับสมเด็จฮุนเซน นายกฯ ตอบว่า ความสัมพันธ์ในระดับของผู้นำ ตนเองไม่เถียงว่าเป็นเพื่อนกัน ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายที่เราจะมีเพื่อน เหมือนผู้สื่อข่าวที่คนอยู่ข้างๆเป็นเพื่อนกันหรือเปล่า ทุกคนเป็นเพื่อนกันได้ แต่ถ้าวันหนึ่งเพื่อนทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกันมันคงจะเป็นเรื่องง่าย หากเป็นเรื่องการค้า และเรื่องต่างๆยกหูคุยกันได้ เป็นสิ่งที่ทำตลอดไม่ใช่แค่กัมพูชาเท่านั้น รวมถึงหลายประเทศอาเซียนก็ทำแบบนี้
แต่ถ้ามีปัญหากันจริงๆ เพื่อนทะเลาะกันแล้วมาขอบ้านของเธอได้ไหม มันไม่มีเพื่อนคนไหนที่จะให้บ้าน ที่มาบอกว่ายกบ้านให้ได้ เพื่อนก็คือเพื่อน ความสัมพันธ์ที่ดีก็มี เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาตนกับนายกกัมพูชาก็คุยกัน จะไม่ปะทะกัน นายฮุนมาเนต ก็ให้ความร่วมมือ แต่เมื่อหน้างานเกิดเรื่องขึ้น โดยที่ระดับเราเองไม่ทราบ แต่จัดการกันในฐานะหน้างาน
แต่ระหว่างนั้น ผู้สื่อข่าวที่ถามได้ก้มดูโทรศัพท์ของเพื่อนนักข่าวที่ยืนข้าง นายกฯได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “ฟังอยู่ไหมคะ” ผู้สื่อข่าวตอบกลับทันทีว่า “ฟังอยู่ค่ะ” นายกฯจึงได้แถลงต่อว่า ท่าทีรัฐบาลไม่ได้นิ่ง แต่คิดในมุมความสงบสุข ถ้าปิดด่านจะเกิดความรุนแรงไหม เรื่องนี้ปรึกษากับทหารอยู่ตลอด ส่วนแถลงการณ์ที่ออกไปเป็นแถลงที่ได้คุยกับกระทรวงการต่างประเทศและทหาร แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลพร้อมดูแลประชาชน พร้อมคุยด้วยสันติวิธี นี่คือใจความหลักที่จะเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวคนเดิมจึงถามต่อว่า ท่าทีของสมเด็จฮุนเซน และนายฮุนมาเนต ไม่สอดคล้องกับที่นายกฯพูด นายกฯ ตอบว่า ถ้าฝ่ายกัมพูชารุนแรง แล้วเรารุนแรงกลับ สันติวิธีจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่รัฐบาลไทยเตรียมรับมือ ถ้าเลือกสันติวิธีได้ ก็เลือก
ผู้สื่อข่าวได้บอกว่า ขณะนี้ทหารกัมพูชาได้ล้ำเข้ามาเขตแดนไทย 200 เมตรแล้ว นายกฯได้ย้อนถามกลับทันทีว่า ได้ไปดูหน้างานมาหรือยัง ผู้สื่อข่าวตอบว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดชัดเจน นายกฯจึงได้ชี้นิ้วมายังผู้สื่อข่าวที่ถาม พร้อมตอบว่าใช่ค่ะ พร้อมผายนิ้วโป้งไปที่นายภูมิธรรม และบอกว่า เดี๋ยวจะไปดู ไปด้วยกันเลยไหม ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า “เขาไม่เชิญ” นายกฯเบะปากเบาๆ และหัวเราะในคอ พร้อมตอบกลับว่า “อ๋อ เขาไม่พาไป”
จากนั้นนายกฯได้เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นลักษณะปลอบใจพูดว่า “ไม่เป็นไรนะคะ อย่าเสียใจ ถ้าเสียใจจะบอกว่าไม่เป็นไรนะคะ” นายกฯถามผู้สื่อข่าวต่อว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” และเอามือทาบอก พร้อมพูดว่า “วันนี้ผู้สื่อข่าวดุจังเลย”
ทั้งนี้หลังแถลงข่าวเสร็จ นายกฯได้เดินพุ่งตรงมาที่จุดผู้สื่อข่าวคนที่ถาม พร้อมถามว่า “เขาไปไหนแล้ว” ผู้สื่อข่าวคนอื่นบอกว่า “ไม่อยู่ ไปทำข่าวอื่นแล้ว” นายกฯพูดต่อว่า “มีอะไรหรือเปล่า เขาโกรธอะไรหรือเปล่า หน้าเขาดูเหวี่ยงมาก เลยมาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาเป็นอะไรหรือเปล่า เป็นงงมากเลย เขาดูกระฟัดกระเฟียด” ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า “เป็นเรื่องปกติ”
โดยก่อนที่นายกฯเดินออกจากจุดที่แถลง ผู้สื่อข่าวถามว่า “วันนี้อารมณ์ไม่ได้หลุดใช่ไหม” นายกฯตอบว่า “ไม่ได้หลุด ยืนยันว่าไม่ได้หลุด นักข่าวต่างหากที่น่าจะหลุด”