เร่งพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตตึก สตง. ถล่ม - เยียวยารายละ 1 แสน

เร่งพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตตึก สตง. ถล่ม - เยียวยารายละ 1 แสน

11815 เม.ย. 68 16:52   |     AdminNews

ตึก สตง. ถล่มวันที่ 18 พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 44 คน - ปรับแผนใช้รถเครนขนาดใหญ่รื้อซาก เน้นเข้าถึงจุดปล่องลิฟต์โซน C เชื่อมต่อโซน B

15 เม.ย.68 คืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มในเขตจตุจักร กรุงเทพฯ ยังดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 18 แม้จะเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ เจ้าหน้าที่กว่า 500 นายทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 14 เมษายนถึงเช้าวันนี้ พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 รายในโซน C และชิ้นส่วนอวัยวะอีก 24 ชิ้น ซึ่งถูกส่งไปตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ 


ปัจจุบันเวลา 16.00 น. ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 44 ราย ผู้บาดเจ็บ 9 ราย และยังสูญหาย 50 ราย จากจำนวนผู้ประสบเหตุทั้งหมด 103 ราย เจ้าหน้าที่มุ่งเน้นค้นหาในโซน C ซึ่งคาดว่ามีผู้ติดค้างมากที่สุด แต่ยังไม่พบสัญญาณผู้รอดชีวิตเพิ่มเติม


ที่บริเวณกองอำนวยการร่วม สน.บางซื่อ ห้างสรรพสินค้าเจเจมอลล์ รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมสถานการณ์ประจำวัน ว่า เมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) ได้มีการเคลียร์ความสูงของซากอาคารดังกล่าว ในทุกโซน ทั้ง A, B, C และ D ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามเเผน เเต่ปัญหาตอนนี้คือเส้นเหล็กบางจุด ที่ขวางไม่สามารถทำให้เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยลงไปสำรวจตามโพรงต่างๆ วันนี้จึงได้มีการนำเครื่องจักรตัดเหล็กเพิ่มจำนวน 1 คัน เพื่อให้การค้นหาและรื้อถอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอนนี้เหลือยอดความสูงของซากอาคารได้ 19 เมตรแลัว 


ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้พบร่างผู้เสียชีวิต 2 รายบริเวณ โซน C ร่วมถึง ชิ้นเนื้อจำนวนอีก 24 ชิ้น โดยได้มีการนำร่างผู้เสียชีวิตและชิ้นเนื้อทั้งหมดไปส่งพิสูจน์อัตลักษณ์ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และเช้าวันนี้ทาง พฐ. ได้ยืนยันเพิ่ม 1 คนจากการตรวจอัตลักษณ์บุคล ซึ่งตอนนี้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 44 คน บาดเจ็บ 9 คน สูญหาย 50 คน 

 

ส่วนเรื่ององพิสูจน์อัตลักษณ์ จากรายชื่อที่ได้จากสตม. ทั้งหมด 103 ราย พบเเล้ว 91 ราย เเต่ยังมีรายชื่อที่ยังตกหล่น โดยตอนนี้กำลังประสานกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้เป็นตรวจสอบให้ น่าจะสารมาติดตามได้ทั้งหมด รวมถึงจะให้สำนังงานต่างประเทศของ กทม. ประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศด้วย ในการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์เพิ่มจากชายแดนของสถานทูตเมียนมา


ส่วนเรื่องหนึ่งคือ กระทรวงมหาดไทยได้เพิ่มวงเงินในการจัดการศพ ศพละ 100,000 บาท โดยที่ไม่ต้องคิดในรายละเอียดว่าเป็น เป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นผู้หารายได้หลักของครอบครัวหรือไม่ แล้วก็กำหนดว่าจะจ่ายล็อตแรกที่ได้รับการรับรองแล้วในวันที่ 18 เมษายน ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้ขอเวลาให้ทางกทม.เร่ง นำร่างไปพิสูจน์อัตลักษณ์ 


ขณะที่ความคืบหน้าด้านคดีของเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ทาง พ.ต.อ. สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ เปิดเผยว่า ทางการสืบสวนตำรวจ สน.บางซื่อ และ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ร่วมกันทำงาน และแบ่งคณะทำงานกันตามละประเด็น ส่วนประเด็นที่มีการออกหมายเรียก นายปฏิวัติ ศิริไทย กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันกับกิจการร่วมค้า PKW ที่ลงนามในสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ กับทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2564 ซึ่งกิจการร่วมค้า PKW ประกอบด้วย และที่นำหมายไปติดไว้ที่บ้านย่านอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้ง บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อให้เข้ามาให้ข้อมูลฐานะพยานจากเหตุตุกถล่ม 


พ.ต.อ.สนอง กล่าวว่า ทางนายปฏิวัติ ได้ประสานมาทางพนักงานสอบสวน ขอเลื่อนไปในวันที่ 30 เมษายน 2568 แต่ตนเองจะให้พนักงานสอบสวนประสานกับให้มาพบเร็วขึ้นก่อน วันที่ 30 เมษายน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมาวันใด ส่วนนายปฏิวัติจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมลายเซ็นต์ของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข วิศวกรที่โดยแอบอ้างชื่อหรือไม่นั้นต้องรอสอบปากคำก่อน และตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ได้ออกหมายจับในคดีกับใครเพียงหมายเรียกเท่านั้น 


ขณะที่วันที่ 17 เม.ย.นี้ ทาง พล.ต.ต. สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ ถล่ม เป็นประธานได้เรียกคณะทำงานทั่งหมดที่เกึ่ยวข้องกับคดีมาประชุมที่ สน.บางซื่อ ในเวลา 10.00 น. 


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง