เปิดใจคู่กรณี “เชน ธนา” ยันสินค้าได้คุณภาพ-ต้องการเงินคืน
เปิดใจคู่กรณี “เชน ธนา” ยันสินค้าได้คุณภาพ-ต้องการเงินคืน

เปิดใจ 2 ผู้เสียหายคู่กรณีของ “เชน ธนา” รับมีปัญหาด้านธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยังหวังจะได้เงินคืน
(18 พ.ย. 67) จากกรณีเพจดังโพสต์ข้อความว่า ตำรวจกองปราบออกหมายเรียกอดีตนักร้องชื่อดัง เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมาเข้าพบเป็นครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ฉ้อโกงเงิน 79 ล้านบาท หลังทำหนังสือขอเลื่อนกำหนดนัดหมายมาแล้วหลายครั้ง ตามที่มีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวได้เดินทางมาที่อาคารมาลีนนท์ พระราม 4 กทม. เพื่อพูดคุยกับนายนริศ วิทยาวรากรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยยินตัน จำกัด (ผู้เสียหาย) เผยว่า ส่วนตัวตนรู้จักกับนายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือ เชน ธนา เมื่อช่วงประมาณปี 65 ผ่านทางคอสเรียนบริหารแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ถูก “นายเชน ธนา” ชักชวนให้ร่วมทำธุรกิจ เนื่องจากบริษัทของตนเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ ซึ่ง “นายเชน ธนา” ได้มาติดต่อขอเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นสินค้าเสริมอาหารประเภทโพรไบโอติก และขอ
ต่อมาตนก็ตัดสินใจทำธุรกิจร่วมกับ “นายเชน ธนา” โดยโดยมีสัญญาซื้อขาย 3 ปี พร้อมกับมีการระบุว่า ทางบริษัทต้องมีการส่งสินค้าตามที่ตกลงกันไว้ตามตามใบสั่งซื้อของทางบริษัทฝ่ายคู่กรณี ซึ่งทางบริษัทคู่กรณีจะมีการจัดจำหน่าย และทำการตลาดเองในประเทศไทย ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์
โดยทางบริษัทคู่กรณีได้มีการสั่งซื้อสินค้ากับตนในครั้งแรกเป็นจำนวนเงิน 3 ล้านซอง เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 57 ล้านบาท หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 2-3 อาทิตย์ทางบริษัทคู่กว่านี้ก็ได้มีการสั่งสินค้าเพิ่มประมาณ 4 ล้าน 5 แสน แสนซอง เป็นจำนวนเงิน มูลค่าประมาณ 84 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สินค้าขายดี และต้องการให้ตนรีบจัดส่งให้ทันที
หลังจากที่ทางคู่กรณีได้มีการสั่งซื้อในรอบที่ 2 เค้าก็ได้มีการเลื่อนชำระเงินจาก 60 วัน เป็น 90 วัย เป็น 120 วัน แต่พอถึงกำหนดที่ต้องชำระเงินก็ไม่ได้มีการชำระให้กับตนแต่อย่างใด จากนั้นทางบริษัทคู่กรณีก็ได้มาบอกกับตนภายหลังว่า สินค้ามีปัญหาซึ่งมูลค่าความเสียหายในครั้งแรกทั้งหมดประมาณ 85 ล้านบาท แต่ทางคู่กรณีก็ได้มีการ การชำระไปบางส่วน จนปัจจุบันนี้ตนถูกค้างชำระประมาณ 79 ล้านบาท
นายนริศ เผยต่อว่า ที่ผ่านมา ต้นจำหน่ายสินค้าประเภทนี้ได้ประมาณ 2-3 ปี แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรจนกระทั่งมารับงานของบริษัทคู่กรณี และในทุกๆครั้งที่คู่กรณีเลยกำหนดชำระเงินมาให้ตน ตนก็ได้พยายามสอบถามคนรอบข้างไปยังคู่กรณี ทั้ง ceo , cfo หรือพนักงานหลายหลายฝ่ายให้เข้ามาเจรจา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
โดยก่อนหน้านี้ ทางคู่กรณีได้มีการมาสอบถามให้ตนหาแหล่งเงินกู้เพื่อที่จะนำเงินในส่วนนั้นมาชำระให้กับตน จึงทำให้ตัวรู้สึกเอะใจ เพราะผิดวิสัยของคนทำธุรกิจจึงได้เดินทางตัดสินใจไปแจ้งความที่กองปราบทันที
ในส่วนกรณีที่คู่กรณีอ้างว่าสินค้ามีปัญหาในเรื่องของฉลากนั้น ส่วนตัวตนก็อยากจะชี้แจงว่า สินค้าดังกล่าวนั้นเป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นซองที่ใช้บรรจุผลิตภัณฑ์ส่วนบริษัทที่ ผลิตนั้นเป็นบริษัทของบริษัทอมาโด้ ซึ่งมีคำข้อความประมาณว่า “แคปซูล 3 ชั้น หรือแคปซูลดับเบิ้ลเลเยอร์” ซึ่งมันเป็นข้อความที่เป็นปัญหากัน ส่วนตัวตนมองว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวสินค้าเลย และข้อความในฉลากนั้นจะต้องผ่านการตรวจสอบจากทาง อย.
ทั้งนี้ ตนทำผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้มาประมาณ 27 ปี และเป็นสินค้าอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นในเรื่องของสินค้านั้น ตนยืนยันว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ
ในส่วนที่ประเด็นที่คู่กรณียืนยันว่า คดีดังกล่าวนั้นเป็นคดีแพ่ง ตนมองว่า ตนทำธุรกิจสุจริตมาโดยตลอด ซึ่งส่วนตัวตนเป็นนักธุรกิจจึงไม่ทราบเรื่องกฎหมาย แต่พอตนเองได้ส่งเรื่องไปแล้วทางอัยการด้วยข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่ตนแชร์ให้กับอัยการโดยอัยการเห็นของว่ามันเข้าข่ายในกฎหมายฉ้อโกงถึงมีการออกหมายเรียกในวันนี้
ในส่วนกรณีที่ว่าตนจะมีความคาดหวังในการได้เงินจำนวน 79 ล้านบาทคืนมาหรือไม่นั้น ส่วนตัวตนเชื่อมั่นในความยุติธรรมชั้นศาลคืนกลับมาให้กับผู้เสียหาย ซึ่ง ณ ตอนนี้ตนยังมีความหวัง ว่าทางคู่กรณีจะยอมชำระเงินค่าสินค้าให้กับตน และกับผู้เสียหายทุกๆคน
ส่วนในกรณีหลังจากนี้จะมีการเจรจา เพื่อผ่อนปรนในเรื่องของคดีนั้นทางคุณรีบบอกว่า หากเขาคิดจะเจรจากับตนจริงภายในระยะเวลา 2 ปีนี้ เขาก็น่าจะติดต่อมาไม่น่าจะมีการปล่อยเวลาระยะเวลาจนถึงสองปี ซึ่งยืนยันว่าตนเองติดต่อเขาไป
ในส่วนประเด็นที่ทางคู่กรณีได้มีการยืนเอกสารให้ตนนำสินค้ามาคืนนั้น หลังจากที่เลยครบกำหนดชำระแล้ว ทางตนได้มีการท้วงติงกับทางคู่กรณี ว่า สินค้ายังมีการจัดจำหน่ายอยู่ทั้งที่ ทางคู่กรณี บอกว่า สินค้ามีปัญหา ไม่ตรงปก หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 1-2 สองเดือน ทางคู่กรณี ได้ให้ตนติดต่อมาขอรับสินค้าคืนไป แต่ตนก็ยืนยันว่า ไม่สามารถคืนสินค้าราคาให้ได้ เพราะสินค้าหมดอายุแล้ว ซึ่งในวันนั้นหากตนตัดสินใจไปรับสินค้ากลับคืนมานั้น ทางคู่กรณีก็ต้องจ่ายเงินชำระคืนให้กับตน
นอกจากนี้ ตนได้รับข้อมูลมาว่า ทางคู่กรณีมีการติดต่อไปยังผู้เสียหายรายหนึ่ง และ ยืนยันจะชดใช้ค่าเสียหายให้ โดยไม่ให้ผู้เสียหายมาออกสื่อ ซึ่งส่วนตัวตนยังเชื่อว่า มีผู้เสียหายอีกหลายคนที่ทางคู่กรณีพยายามจะติดต่อขอไกล่เกลี่ย เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย
อย่างไรก็ตาม คำว่ากลัวเรื่องเป็นศิลปินหรือไม่นั้น ถ้าเรายืนอยู่บนความถูกต้องแล้วตนเชื่อว่าหากเราทำธุรกิจโดยสุจริตมาตลอด หากเราทำอะไรผิดคงไม่กล้ามายืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำไป เรา 2 คน ออกมาด้วยความบริสุทธิ์ใจและเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่เจอแบบเดียวกัน
ขณะที่คุณลิลลี่ หนึ่งในผู้เสียหาย CEO บริษัทแห่งหนึ่ง ที่รับทำสูตรผลิตเม็ดฟู่ให้คุณเชน ธนา เมื่อปี 2566 โดยได้ส่งรับออเดอร์ 100,000 ชิ้น มูลค่ารวม 6 ล้านบาทแต่มีการจ่ายค่ามัดจำแล้ว 2,000,000 คงเหลือ 4,000,000 บาท
คุณลิลลี่ เล่าว่า เมื่อปี 2566 “เชน ธนา” ได้มาจ้างบริษัทตนทำสูตรผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเราเป็นบริษัทเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ เป็นนักทำสูตร โดยบริษัทของตนอยู่ที่เยอรมนี แต่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องของคุณภาพสินค้าเหมือนกับคนอื่น เพราะอายุสินค้าของตนมีอายุ 3 ปี แต่สิ่งที่ตนสงสัยคือว่างทำไมต้องเอาสินค้าเรามาลดราคาเกินกว่าราคาต้นทุน และเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เรารู้สึกว่าทนไม่ได้
คุณลิลลี่ บอกว่า ตอนนี้คดีของตนเป็นคดีแพ่ง นัดไกล่เกลี่ยวันที่ 16 ธันวาคม โดยได้ส่งสินค้าไป 100,000 ชิ้น มูลค่ารวม 6 ล้านบาทแต่มีการจ่ายค่ามัดจำแล้ว 2,000,000 คงเหลือ 4,000,000 บาท ที่ยังไม่จ่าย ซึ่งก็หวังว่าจะไม่โดนเหมือนบริษัทของคุณนริศ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทคุณเชน จะส่งคนมาเจรจา
คุณลิลลี่ ยังบอกว่า แม้ว่าฝั่งบริษัทของ “เชน ธนา” จะมีการทำสัญญาแบ่งจ่ายยอดเงิน 4 ล้านบาทแล้วนั้น แต่เป็นการแบ่งจ่าย 2 เกือบ 3 ปี ทั้งนี้ หากเป็นการทำสัญญา มันต้องยินยอมทั้งคู่ และต้องเข้าใจด้วยว่าเราไม่ใช่สถาบันทางการเงินเราไม่สามารถให้แบ่งจ่ายได้ถึงขนาดนั้น
ที่ผ่านมาปัญหาคือเขาไม่ยอมเจรจาเลย อีกทั้งมีการส่งจดหมายกลับเหมือนมาข่มขู่เรา หาว่าเราทำให้เขาเสียโอกาสทางการขาย แล้วมาเรียกเงินเรา 10 กว่าล้านบาท และจุดนี้เป็นจุดที่ทำให้เราไม่ไหว แต่หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน เขากลับมาขอผ่อนชำระ 20 กว่างวด และความจริงแล้วก่อนหน้านั้นเราขอให้เขาผ่อนก็ได้ แต่เขากลับเบี้ยวหลายครััง เราจึงไม่รู้ว่าส่วนที่เขาจะผ่อนจ่าย จะจ่ายจริงหรือไม่ และหากเรายอมรับเงินก้อนแรก แต่สุดท้ายหายไป มันอาจมีโอกาสที่เรื่องอาจไม่จบ จึงเลือกทำตามกระบวนการทางกฎหมาย
พร้อมกันนี้ สินค้าเราเป็นสินค้านำเข้า ต้องผ่านด่าน อย. และด่านศุลกากรเลยทันที ต้องได้รับการตรวจสอบเกี่ยวกับฉลากสินค้า หากมีอะไรไม่ผ่านคงไม่ได้เข้ามาในประเทศ ส่วนคนที่ขอ ฆอ. หรือ โฆษณาสินค้า รวมทั้งผลิตกล่องสินค้าก็เป็นทางบริษัทของคุณเชน ธนา เอง เลยต้องถามกลับไปว่ามีจุดประสงค์ใดกันแน่ต่อผู้ประกอบการอย่างเราที่จงใจไม่ชำระเงินแต่ยังนำสินค้าออกไปขายและขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาทุน
คุณลิลลี่ ยังกล่าวว่า การที่เราทำธุรกิจแล้วเงินมันหายไป ไม่ว่าจะกี่บาทเราในฐานะผู้บริหารต้องรับผิดชอบต่อเงินนั้น ซึ่งยอมรับว่าได้รับผลกระทบและเสียหายมาก และขอบอกเลยว่ายังมีอีกหลายคนที่โดนลักษณะเดียวกัน แพตเทินเดียวกัน
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง คุณลิลลี่ บอกว่า ถ้าคุณเป็นแฟนคลับ ต้องเข้าใจว่าคนของคุณทำถูกต้องหรือไม่ ถ้าคนของคุณทำถูกต้องและมีหลักฐาน และคุณจะประณามเราที่ไปกล่าวหาเขาเราเชิญให้ประณามแต่วันนี้ที่เราออกมาไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวใดใดกับคุณเชนธนา ไม่ได้รู้สึกเป็นศัตรูกัน ปัญหาอย่างเดียวของเขาคือเอาสินค้าของเราไป และไม่จ่ายเงิน ซึ่งเรามีหลักฐานทุกอย่างแต่วันแรกจนถึงวันนี้
ช่วงท้ายทั้ง 2 คน ฝากถึงคุณเชน ธนา ว่า “ช่วยชำระเงินคืนให้เราสองคนด้วยนะ”