“ผบ.เหล่าทัพ” ประชุมร่วม 4 ชม. หนุนทัพบกปกป้องอธิปไตย
“ผบ.เหล่าทัพ” ประชุมร่วม 4 ชม. หนุนทัพบกปกป้องอธิปไตย

“ผบ.เหล่าทัพ” ประชุมร่วม 4 ชม. ยกระดับความพร้อมรบ หนุนทัพบก ปกป้องอธิปไตย ยันปะทะช่องบกทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน
(6 มิ.ย.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4 ประจำปีงบประมาณ 2568 พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารบก , ผู้บัญชาการทหารเรือ , ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยประชุมตั้งแต่เวลาประมาณ 14.45 - 18.30 น.
โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ร่วมกันปฏิบัติภารกิจสนับสนุนรัฐบาลด้วยความเข้มแข็ง โดยเฉพาะการรักษาอธิปไตยแนวชายแดนในทุกสถานการณ์ พร้อมกับย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกเหล่าทัพได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะสนับสนุนกองทัพบกในทุกมิติด้วย
การประชุมมีความชัดเจนว่า กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันอย่าง ในการสนับสนุนภารกิจของกองทัพบกอย่างเต็มขีดความสามารถ ทั้งในด้านการวางแผน การปฏิบัติการ และการประสานงานกับทุกภาคส่วน เพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย และเกียรติภูมิของชาติ ทั้งเน้นย้ำความสำคัญของการดำเนินงานภายใต้หลักสากล การรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพของภูมิภาคด้วย
ทางกองทัพบก ได้รายงานต่อที่ประชุมอย่างละเอียด ถึงเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังจากเหตุการณ์ โดยยืนยันว่าการปฏิบัติของทหารไทยนั้น เป็นไปตามกฎหมายและกฎการใช้กำลังอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการรุกราน ที่อิงตามแนวเส้นปฏิบัติการที่ไทยถือปฏิบัติอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
เหตุปะทะที่เกิดขึ้นระหว่างที่ทหารไทยทำการลาดตระเวนในพื้นที่ของไทย และถูกฝ่ายทหารกัมพูชาเปิดฉากการยิง จึงได้ทำการยิงตอบโต้กลับไป ซึ่งฝ่ายไทยได้ชี้แจงผ่านช่องทางทางการแล้วโดยครบถ้วน และแม้ฝ่ายไทยจะประสานงานผ่านกลไกการเจรจา ที่ทั้ง 2 ประเทศเคยตกลงกันไว้ แต่กลับไม่อาจคลี่คลายสถานการณ์ได้เท่าที่ควร ทั้งยังตรวจพบการเพิ่มเติมกำลังของทหารฝ่ายกัมพูชาด้วย ซึ่งถือเป็นภัยคุมคามต่อความมั่นคงของชาติ
ผู้บัญชาการทหารบก จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยยกระดับความพร้อมของกำลังพล รวมทั้งยุทโธปกรณ์ และแผนเผชิญเหตุ เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หากจำเป็นต้องดำเนินมาตรการทางทหาร เพื่อตอบโต้การรุกล้ำอธิปไตยและคุ้มครองประชาชนคนไทยด้วย
ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบการเตรียมการสนับสนุน จากทุกเหล่าทัพเพื่อปกป้องประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ การดำเนินการด้านการข่าวร่วม , ด้านยุทธการร่วม , ด้านส่งกำลังบำรุงร่วม และสนับสนุนข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการอื่นๆของรัฐบาล ทั้้ง กรมแผนที่ทหารสนับข้อมูลด้านข่าวกรองภูมิสารสนเทศ (GEOINT) ให้กับ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) Joint Boundary Committee (JBC) กรมข่าวทหารของทุกเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการเตรียมชี้แจง ผู้ช่วยทูตทหารต่างชาติในประเทศไทย รวมถึงผู้ช่วยทูตทหารไทยในต่างประเทศ ให้รับทราบข้อเท็จจริง ตลอดจนแนวทางการดำเนินการของรัฐบาลและกองทัพไทยในการคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ
ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ยืนยันจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเด็ดขาด โดยสั่งการให้ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยตำรวจในพื้นที่ชายแดนเตรียมความพร้อมเต็มรูปแบบ ทั้งด้านกำลังพล อาวุธ และยุทโธปกรณ์ รวมทั้งจัดทำแผนเผชิญเหตุ เพิ่มมาตรการสืบสวนหาข่าวในเชิงลึก และเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างเข้มข้นด้วย โดยเฉพาะการเผยแพร่ข่าวปลอม ตลอดจนการเพิ่มความเข้มงวด ในการคัดกรองคนต่างด้าวตามแนวชายแดน ป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคง และทำงานร่วมกับกองทัพอย่างใกล้ชิด
กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันอย่างชัดเจนในการสนับสนุนภารกิจของกองทัพบกอย่างเต็มขีดความสามารถ ทั้งในด้านการวางแผน การปฏิบัติการ และการประสานงานกับทุกภาคส่วน เพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย และเกียรติภูมิของชาติไทย พร้อมทั้งเน้นย้ำความสำคัญของการดำเนินงานภายใต้หลักสากล การรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพของภูมิภาค - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน
ข่าวที่คล้ายกัน :
- นายกฯชี้ รบ.-กองทัพ มีเอกภาพ ย้ำใช้เวทีทวิภาคีเจรจากัมพูชา
- "อันวาร์" ต่อสายคุย "แพทองธาร - ฮุน มาเนต" ชื่นชมใช้การทูตแก้ปัญหาความขัดแย้ง
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แฟลช เอ็กซ์เพรส เปิด “ศูนย์การเรียนรู้เพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษา” ณ โรงเรียนบ้านห้วยน้ำเค็ม อ. วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
