นายกฯ แถลงท่าทีไทยต่อนโยบายการค้าสหรัฐฯ มั่นใจ! ข้อเสนอของไทยจะทำให้การเจรจาบรรลุผล

(6 เม.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ "ท่าทีไทยต่อนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา" เนื้อหาระบุว่า วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับมาตรการในการขึ้นภาษีสินค้าของไทย ที่ส่งไปขายในสหรัฐอเมริกาในอัตราร้อยละ 36 เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศซึ่งก็ต่างเตรียมมาตรการรับมือ และเชื่อว่าทั่วโลกกำลังจะเห็นการตอบโต้กันอย่างหนักหน่วงผ่านเครื่องมือทางภาษี และหลายประเทศก็ตัดสินใจไปเจรจาพูดคุยกับรัฐบาลสหรัฐฯ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครได้ข้อสรุป ในส่วนของประเทศไทยนั้น มาตรการนี้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการส่งออกสินค้า โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป และสินค้าเกษตร

รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานในเรื่องนี้ขึ้นมา ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.68 มีการหารือกับภาคเอกชน รวมทั้งตัวแทนของสหรัฐฯ ถึงข้อเสนออย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการมาโดยตลอด ในสัปดาห์หน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จะเดินทางไปหารือกับหลายภาคส่วนในสหรัฐฯ ทั้งภาครัฐ เอกชนและผู้ที่มีส่วนได้เสีย จากการเปลี่ยนแปลงการค้าที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯในครั้งนี้ สำหรับสิ่งที่ไทยจะสื่อสารกับรัฐบาลสหรัฐฯ คือ ประเทศไทยไม่ใช่แค่ผู้ส่งออกเท่านั้น แต่คือพันธมิตรและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สหรัฐฯเชื่อถือได้ในระยะยาว

ขณะนี้ รัฐบาลได้สรุปข้อเสนอเชิงนโยบายต่างๆ เช่นการเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในด้านพลังงาน อากาศยาน และสินค้าเกษตร โดยมีแผนที่จะสร้างความร่วมมือกับภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรมและกลุ่มอื่นๆ ที่มีส่วนได้เสียสำคัญในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ซึ่งมีรายละเอียดในนโยบายอีกมาก จึงขอให้มั่นใจว่าข้อเสนอเหล่านี้ ล้วนคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศไทย นอกจากนี้ จะมีการเจรจาเรื่องการส่งเสริมการลงทุนของไทยในสหรัฐฯ และลดเงื่อนไขการนำเข้าที่เป็นอุปสรรค รวมไปถึงการปราบปรามการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้าที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังสหรัฐฯ

มั่นใจว่า ข้อเสนอข้างต้นนี้ จะทำให้การเจรจากับสหรัฐฯ บรรลุผลเพื่อให้ประเทศไทยและสหรัฐฯยังคงเป็นพันธมิตรและคู่ค้าที่เป็นมิตรต่อกัน และรัฐบาลไทยยังมีอีกหลายมาตรการ ที่พร้อมจะรับฟังและพูดคุยเพิ่มเติมกับสหรัฐฯ ย้ำว่ารัฐบาลไทย คำนึงถึงประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศไทยและของผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงคนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจไทยทุกคน

รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาเร่งด่วนในระยะสั้น และระยะยาวเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้ง SME และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ โดยการเร่งขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ ทั้งยังจะเป็นการกระจายความเสี่ยงของภาคธุรกิจไทย ที่มุ่งมั่นเจรจาในการเปิดตลาดใหม่ๆในตะวันออกกลาง ยุโรป และอินเดีย โดยจะเร่งเจรจาการค้า FTA ให้เร็วยิ่งขึ้น

โดยวันที่ 8 เม.ย.นี้ หลังจากประชุมสรุปกับคณะกรรมการและทุกหน่วยงานอีกครั้งหนึ่ง จะสรุปแนวทางเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อสร้างฐานเศรษฐกิจไทยให้มั่นคง แข็งแรง เท่าทันโลก และเพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมีศักดิ์ศรี - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน