ฝากขัง “จ่ามืด” ชิงทองแม่ค้าร้านขายไส้กรอกอีสานก่อนปาดคอหนีผิด
ฝากขัง “จ่ามืด” ชิงทองแม่ค้าร้านขายไส้กรอกอีสานก่อนปาดคอหนีผิด

ผู้การฯตรังเผย “จ่ามืด” อาการพ้นวิกฤติหลังปาดคอตัวเองหนีผิด -เตรียมฝากขัง ฟันวินัยร้ายแรงไล่ออก
จากกรณี ด.ต.ธีรยุทธ มืดทอง หรือ "จ่ามืด" อายุ 46 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.หาดสำราญ จ.ตรัง ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ในพื้นที่ สภ.นาโยง ขณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนร่วมหลายหน่วยเข้าจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดตรังที่ 171/2568 ลงวันที่ 7 พ.ค. 68 ได้พยายามก่อเหตุทำร้ายตัวเองด้วยการใช้มีดปาดคอบริเวณหน้าโรงพัก จนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังก่อเหตุชิงสร้อยทองหนัก 2 บาท พร้อมจี้พระเกจิดังจากแม่ค้าร้านขายไส้กรอกอีสาน นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 68 เวลา 13.30 น. พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อยู่ระหว่างรักษาตัวภายในห้องปลอดเชื้อของโรงพยาบาลศูนย์ตรัง ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้การฯ ตรังระบุว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้มีการสืบสวนอย่างเงียบ ๆ โดยใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานสำคัญในการระบุตัวคนร้าย เมื่อออกหมายจับแล้วจึงวางแผนเข้าจับกุม ซึ่งผู้ต้องหาอาจตกใจจนตัดสินใจก่อเหตุหวังหลบหนีความผิด
ทั้งนี้ การดำเนินคดีเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือหรือยกเว้นแม้ผู้ต้องหาจะเป็นตำรวจด้วยกันเอง โดยเตรียมยื่นขอหมายขังจากศาลจังหวัดตรังในวันถัดไป ส่วนทางวินัยตำรวจถือเป็นความผิดร้ายแรง มีโทษถึงขั้น “ไล่ออกจากราชการ”
สำหรับแรงจูงใจยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาส่วนตัวหรือปัญหาด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับบัญชาระบุว่าเป็นการกระทำส่วนบุคคล ไม่ใช่ภาพสะท้อนขององค์กร และย้ำว่าตำรวจส่วนใหญ่ยังยึดมั่นในระเบียบวินัย โดยมีมาตรการตรวจสอบสารเสพติดเป็นประจำ เพื่อคัดกรองเจ้าหน้าที่ที่ประพฤติไม่เหมาะสม
ด้านความเคลื่อนไหวของผู้เสียหาย น.ส.พรพิมล อายุ 34 ปี เจ้าของร้านขายไส้กรอกอีสานที่ถูกชิงทอง ล่าสุดยังไม่เปิดร้าน และไม่สามารถติดต่อได้ เชื่อว่ายังคงอยู่ในอาการตกใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น - ข่วเวิร์คพอยท์รายงาน