สาวร้องถูกอดีตสามีแพทย์-แม่ผัว บุกแย่งลูกน้อยวัย 1 เดือน

สาวร้องถูกอดีตสามีแพทย์-แม่ผัว บุกแย่งลูกน้อยวัย 1 เดือน

13203 เม.ย. 68 15:03   |     AdminNews

สาวร้อง 'ต้นอ้อ' อยากเห็นหน้าลูก หลังถูกอดีตสามีเป็นแพทย์โรงพยาบาลชื่อดังใน กทม. และแม่สามี บุกเข้าบ้านแย่งลูกน้อยวัย 1 เดือน ออกไปจากอ้อมอก

จากกรณี มีหญิงสาวรายหนึ่งได้ร้องทุกข์มายังนางสาวชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ภายหลังถูกอดีตสามีแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลดังและอดีตแม่สามี บุกห้องพักแย่งลูกน้อยวัย 1 เดือน ซึ่งขณะนี้ผ่านมากว่า 10 วัน ยังไม่สามารถติดต่อลูกได้นั้น 


ล่าสุด วันที่ 31 มี.ค.68 นางสาวชลิดา หรือ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ได้พานางสาวฝน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ผู้เสียหายมายืนหนังสือร้องเรียน นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ณ อำเภอเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี 


ด้านนางสาวฝน (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ตนเองรู้จักกับนายแว่น (นามสมมุติ) ผ่านทาง Application หาคู่ ประมาณปลายปี 2566 ซึ่งฝ่ายชายแสดงตัวตนชัดเจนว่า มีอาชีพเป็นหมอโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ส่วนตัวตนเอง เป็นนักศึกษาปริญญาโทเพิ่งจบใหม่และอยู่ระหว่างหางานทำ 


หลังจากนั้นพูดคุยกันเรื่อยมานานประมาณ 2 เดือนจึงมีการนัดเดทกันครั้งแรกที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเดทแรก ตนรู้สึกแปลกๆหลายอย่าง เพราะฝ่ายชายจะขอให้ตนหารและแชร์กันทุกอย่างแม้กระทั่งค่ารถไฟฟ้าหรือค่า vat และเซอร์วิชชาร์จ, แต่ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะสามารถแชร์กันและจ่ายได้


หลังจากเดทแรกก็กลับมาพูดคุยกันต่อผ่าน Line แต่ยังไม่ได้ตกลงคบหากันเป็นแฟน เพราะตนไม่ได้คิดจะคบหาหรือไปต่อด้วยและต่างฝ่ายต่างก็หายขาดการติดต่อกันไป, ต่อมาฝ่ายชายกลับมาติดต่อหาตนอีกครั้ง, ครั้งนี้คุยกันจริงจังมากขึ้นจนตกลงเป็นแฟนกันและฝ่ายชายพาตนมาเปิดตัวที่โรงพยาบาลที่ตัวเองทำงานอยู่ กินข้าว, เดินจับมือกัน โดยที่หมอไม่ได้มีท่าทีปิดบังหรือกลัวใครเห็น


ซึ่งหลังจากเป็นแฟนกัน นายแว่นก็ขนข้าวของย้ายมาอยู่กับตนที่หอพักย่านสะพานพระราม 8 โดยที่ค่าหอพัก ค่าน้ำ ค่าไฟต่างๆตนเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ส่วนของใช้อะไรที่ซื้อมาใช้ร่วมกันก็หารครึ่ง,ระหว่างที่คบกันตนก็พยายามเช็คว่า หมอมีครอบครัวหรือมีภรรยาอยู่แล้วหรือไม่ ซึ่งตนค่อนข้างมั่นใจว่า หมอยังไม่มีครอบครัว เป็นหมอหนุ่มโสดที่ค่อนข้างเจ้าชู้ด้วย เพราะจะมีพฤติกรรมตาม Follow IG ของสาวๆสวยๆ ไม่ต่ำกว่า 3,000 คน ล้วนเป็นผู้หญิงทั้งหมดและชอบคอมเมนสาวๆไปทั่ว


นอกจากนี้ ตนยังจับได้ว่าหมอยังแอบเล่น Application หาคู่และมีการนัดเจอกับผู้หญิงใน App เพื่อไปมีเพศสัมพันธ์กันและคุยกันถึงขั้นว่า ชอบลีลาท่าไหน, พอตนจับได้ก็ทำให้มีปัญหาทะเลาะกันเรื่อยมา ซึ่งทุกครั้งที่มีปัญหากันหมอจะเอาเรื่องไปฟ้องแม่ของตัวเองตลอดและไม่รู้ว่า พูดถึงตนยังไงบ้าง แต่แม่ของหมอไม่ค่อยชอบตน สุดท้ายตนตัดสินใจขอเลิกรา แต่ปรากฏว่าช่วงนั้นประจำเดือนมาผิดปกติ ตนจึงซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจพบว่าตั้งท้อง จึงทำให้ไม่สามารถเลิกรากับทางนายแว่น หมอหนุ่มรายนี้ได้ 


หลังพบว่าตัวเองตั้งท้องตนก็ขอให้หมอหยุดพฤติกรรมเล่น App หาคู่หรือนัดเจอผู้หญิง ซึ่งหมอก็ยอมรับกับตนว่า หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้เพราะเป็นความชื่นชอบส่วนตัว ซึ่งในระหว่างที่ตนตั้งท้อง ฝ่ายชายไม่ได้ดูแลตนดีเท่าที่ควร แม้กระทั่งฝากครรภ์ตนยังต้องนั่งรถไปเองกับแม่ ส่วนค่าใช้จ่าย ฝ่ายชายขอรับผิดชอบ 60/40 ( ฝ่ายชาย 60 , ฝ่ายหญิง 40 ) ซึ่งฝ่ายชายไม่ได้แนะนำหรือชักชวนให้ตนมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลที่ตัวเองทำงานอยู่ด้วย แต่ตนไม่ได้คิดอะไร , ตนและฝ่ายชายเคยมาพูดคุยกันเรื่องจดทะเบียนสมรสและจัดงานแต่งให้ถูกต้อง ,ทางฝ่ายชายไปปรึกษากับแม่ของฝ่ายชายเองได้ข้อสรุปว่า ไม่จดทะเบียนสมรส แต่จะจัดงานแต่งให้โดยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งทางครอบครัวตนเห็นว่าฝ่ายชายออกค่าจัดงานแต่งไปประมาณ 3 แสนบาท จึงไม่ได้เรียกร้องค่าสินสอดใดๆสักบาท ซึ่งวันงาน แขกทางฝั่งของตน 500 คน ส่วนแขกทางฝั่งฝ่ายชายมา 3 คน คือ แม่, น้องชาย และ พี่ชายของทางหมอ


หลังจากงานแต่ง ตนก็หวังว่า ชีวิตคู่จะดีขึ้น แม่สามีอาจจะเปิดใจต้อนรับตนมากขึ้น, ตอนนั้นอายุครรภ์ได้ 4 เดือน ฝ่ายชายพาตนไปที่บ้านแม่ที่อยู่ย่านสาทรเป็นอาคารพาณิชย์ติดริมถนน ซึ่งพอไปถึงฝ่ายชายให้ตนนั่งรออยู่ที่รถไม่ให้เข้าไปในบ้านเพราะว่า แม่สั่งห้ามไว้ ซึ่งตนทราบมาตลอดแล้วว่า แม่ฝ่ายชายไม่ค่อยปลื้มตนเท่าไหร่นัก แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้ ซึ่งแม่ฝ่ายชายจะดูตนตลอดว่า ตั้งใจปล่อยให้ท้องเพื่อจะจับลูกชายเขาที่เป็นถึงหมอ รพ.เอกชน 


สุดท้ายวันนั้นตนต้องนั่งรออยู่ในรถ นาน 2 ชั่วโมง จนกระเพาะปัสสาวะอักเสบและต้องแอดมิดโรงพยาบาลทันที โดยที่ฝ่ายชายทิ้งให้ตนอยู่โรงพยาบาลคนเดียวลำพัง


แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น หลังตนออกจากโรงพยาบาล แม่ของฝ่ายชายออกอุบายขอมาดูที่หอพักว่า กินอยู่กันยังไง พอตนหลงเชื่อให้มาหา ปรากฎว่า แม่สามีพาชายฉกรรจ์มาด้วย 2 คน และสวมใส่ถุงมือก่อนเข้ามารื้อค้นภายในห้องพักของเธอและขนข้าวของเสื้อผ้าของใช้ต่างๆของฝ่ายชายกลับออกไปทั้งหมดและสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับลูกชายของตน ส่วนเด็กหลังคลอดแล้วให้เอาเด็กมา , ทางบ้านฝ่ายชายจะเลี้ยงเอง , หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ตนเครียดจนมีภาวะซึมเศร้า ตนต้องเปลี่ยนกุญแจหอพักและขังตัวเองไว้ในห้อง เพราะกลัวว่าแม่ของฝ่ายชายจะบุกมาอีก


จากนั้นฝ่ายชายก็ขาดการติดต่อ และหายไปเลย ตนก็พยายามส่งข้อความและอัพเดทเรื่องลูกในท้องให้ฝ่ายชายทราบตลอด จนกระทั่งวันที่ตนคลอดลูกเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา , ทางฝ่ายชายและแม่ฝ่ายชายมาปรากฏตัวที่ห้องรอคลอดและ เอาเอกสารสัญญามาให้ตนเซ็น โดยมี 2 ทางเลือก 


1.หลังคลอดให้ยกลูกให้ทางบ้านฝ่ายชายและจะให้เงินเดือนละ 10,000 บาท แต่มีข้อแม้ว่า ฝ่ายหญิงรวมถึงครอบครัวฝ่ายหญิงต้องไม่มา ยุ่งเกี่ยววุ่นวายอีก


2.หากฝ่ายหญิงจะเอาเด็กไปเลี้ยงดูเอง ก็ต้องตัดขาดกับทางฝ่ายชายโดยที่ฝ่ายชายจะไม่ส่งเสียค่าเลี้ยงดูใดๆต่างๆ และไม่รับรองบุตร ซึ่งนางสาวคนบอกว่า ตอนนั้นตนเลือกอะไรไม่ได้และกำลังนอนอยู่บนเตียงรอคลอด ตนเครียดมากจนหัวใจและความดันเต้นสูง ทำให้เด็กในท้องมีไม่ดิ้น มีภาวะหัวใจเต้นอ่อน จนสุดท้ายอาจารย์หมอต้องเข้ามาช่วยเจรจาขอให้ตนได้ทำการคลอดอะไรให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ซึ่งตนยังไม่ได้ตอบรับข้อตกลงหรือเลือกข้อไหน 


สุดท้ายปัญหาก็ยังคาราคาซังจนกระทั่งหลังคลอด ตนรีบเอาลูกกลับมาเลี้ยงที่บ้านต่างจังหวัดทางฝ่ายชายและแม่ฝ่ายชายก็พยายามมาบีบบังคับให้เธอเลือกและเซ็นสัญญา จนสุดท้ายตนเซ็นสัญญาและเลือกข้อ 1.ยกลูกให้ทางบ้านฝ่ายชายและจะให้เงินเดือนละ 10,000 บาท แต่มีข้อแม้ว่า ฝ่ายหญิงรวมถึงครอบครัวฝ่ายหญิงต้องไม่มา ยุ่งเกี่ยววุ่นวายอีก ,แต่หลังจากนั้นตนรู้สึกคิดถึงลูก อยากเจอลูก จึงขอร้องทางบ้านฝ่ายชาย , ซึ่งบ้านฝ่ายชายก็ยอมให้เจอ โดยสลับกันเอาลูกไปเลี้ยงคนละ 3-4 วัน 


กระทั่งวันเกิดเหตุ แม่ฝ่ายชายขอเข้ามารับหลาน ซึ่งนัดกันที่บ้านของพี่ชายตน และครั้งนี้ตนรู้สึกตะหงิดๆแปลกๆ ว่าถ้ายอมให้ลูกไปอยู่ทางบ้านฝ่ายชายรอบนี้จะทำให้ตนไม่ได้เจอลูกอีก ,พอฝ่ายชายและแม่มาถึงก็ขออุ้มหลาน ซึ่งตน และแม่ของตนที่นั่งอยู่บนโซฟาจึงถามไปว่ารอบนี้เอาไปกี่วันและจะให้ตนได้เจอลูกอีกเมื่อไหร่ , แม่ฝ่ายชาย ตอบกลับมาแบบห้วนๆ ไม่รู้ ชั้นขอคิดดูก่อน , ตนจึงพยายามเข้าไปแย่งลูกกับคืนเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคลิปที่ปรากฏ


หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ตนก็ไม่ได้เจอหน้าลูกอีกเลยและฝ่ายชายก็บล็อคเธอทุกช่องทาง, ตนทำถึงขั้นไปแอบดูตามถังขยะรอบๆบ้านของฝ่ายชายว่า มีของใช้ พวกแพมเพิส หรืออะไรที่เป็นของเด็กทารกมาทิ้งไว้บ้างหรือไม่ แต่ก็ไม่มีอะไรเลยที่เป็นหลักฐานหรือสัญญาณบอกว่า ลูกของตนอยู่ที่บ้านฝ่ายชาย ซึ่งตอนนี้ตนก็ยังไม่รู้ว่า ลูกของตนอยู่ที่ไหน ความเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้าง 


ทั้งนี้ ตนคิดถึงลูกมากและทรมานหัวใจจะขาด อยากวอนขอฝ่ายชายและแม่ฝ่ายชาย คืนลูกสาวให้กับตน ตนไม่อยากเรียกร้องอะไรเลย ตนมั่นใจว่า ตนและครอบครัวจะสามารถเลี้ยงดูแลเด็กคนนี้ได้


นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุตนพยายามไปสอบถามไปยังต้นสังกัดโรงพยาบาลของฝ่ายชาย เพื่อที่อยาก จะให้เป็นตัวกลางในการช่วยเหลือประสานติดต่อไปยังฝ่ายชาย มิหนำซ้ำ บางคนคิดว่าตนไปทำให้ฝ่ายชาเสียชื่อเสียง ซึ่งตนขอยืนยันว่า ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายให้ฝ่ายชายเสียชื่อเสียงแต่อย่างใด และจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ตนทราบว่าที่ผ่านมาต้นสังกัดของฝ่ายชายไม่ทราบเรื่องที่ฝ่ายชายแต่งงานและมีลูกแล้ว 


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat