'สุชาติ' ฟ้องหมิ่น ‘ไอซ์-สหัสวัต’ ปมพาดพิงตึก Skyy9 เรียก 50 ล้านบาท
'สุชาติ' ฟ้องหมิ่น ‘ไอซ์-สหัสวัต’ ปมพาดพิงตึก Skyy9 เรียก 50 ล้านบาท

'สุชาติ' ขึ้นเบิกความคดีฟ้องหมิ่นประมาท ‘ไอซ์ รักชนก-สหัสวัต’ เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ปมพาดพิงการซื้อตึก Skyy9 ยืนยันไม่ไกล่เกลี่ย
วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.รักชนก ศรีนอก หรือ “ไอซ์” ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคเดียวกัน ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50 ล้านบาท
สาเหตุจากกรณีที่ทั้งสอง ส.ส. มีการพาดพิงเกี่ยวกับการซื้ออาคาร Skyy9 ย่านพระราม 9 โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่นายสุชาติดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อ มูลค่าราว 7,000 ล้านบาท
นายสุชาติให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นไต่สวนว่า การฟ้องคดีครั้งนี้เป็นการพึ่งพากระบวนการยุติธรรม หลังถูกกล่าวหาบิดเบือนข้อเท็จจริงผ่านสื่อสาธารณะและโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่เพียงกระทบชื่อเสียงส่วนตัว แต่ยังลามถึงครอบครัวและบุพการี โดยยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อดังกล่าว ซึ่งอยู่ในอำนาจของสำนักงานประกันสังคมตาม พ.ร.บ.การลงทุน ไม่ใช่อำนาจรัฐมนตรีที่จะไปแทรกแซงได้
“เวลาจะตรวจสอบ ส.ส. ก็สามารถยื่นเรื่องไปยัง ป.ป.ช. หรือถามโดยตรง แต่การกล่าวหาผ่านสื่อสาธารณะโดยไม่มีหลักฐาน ทำให้ผมเสียหายมากกว่าทางวัตถุ เสียศักดิ์ศรี เสียเกียรติยศ และเสียใจแทนคุณพ่อคุณแม่ด้วย” นายสุชาติกล่าว
นายสุชาติยังยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาฟ้องเพื่อ “ปิดปาก” ดังที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะการเป็นนักการเมืองย่อมถูกตรวจสอบได้ แต่อยากให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปตามกลไกที่ถูกต้อง ไม่ใช่การใส่ร้ายทางโซเชียล ซึ่งตนไม่สามารถชี้แจงได้ทุกช่องทาง
“ผมเสียเวลามาศาลเช่นเดียวกับเขา แต่สิ่งที่ผมเสียมากกว่าคือศักดิ์ศรีและชื่อเสียง ผมจึงต้องขึ้นเบิกความเอง เพราะความจริงอยู่ในใจ ไม่ต้องท่อง” นายสุชาติระบุ พร้อมเน้นว่าเหตุผลในการเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ไม่ใช่เพราะหวังเงิน แต่ต้องการให้เป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้กระทำซ้ำกับผู้อื่น
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการไกล่เกลี่ย นายสุชาติยืนยันว่า “เกินเยียวยา” และระบุว่า ส.ส.คนดังกล่าวมีพฤติกรรมลักษณะนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงต้องให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินให้เป็นบรรทัดฐาน
“อยากให้ศาลเป็นที่พึ่งของประชาชน และให้คนที่ใส่ร้ายรู้ว่าผลลัพธ์ของการกระทำคืออะไร อย่าเอาแต่ใช้โซเชียลปั่นกระแส โดยไม่คำนึงว่าครอบครัวของผู้ถูกกล่าวหาจะเจ็บปวดเพียงใด” นายสุชาติทิ้งท้าย
ทั้งนี้ นายสุชาติกล่าวว่าเป็นการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทครั้งแรกในชีวิตทางการเมือง หลังจากอดทนมานาน และเห็นว่าจำเป็นต้องดำเนินคดีเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี ไม่ใช่เพื่อล้างแค้น พร้อมฝากถึงสื่อมวลชนว่า ควรตรวจสอบคุณภาพและเจตนาของผู้ที่กล่าวหา ว่าแท้จริงแล้วทำเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพียงแค่ “หาแสง” ทางการเมือง