ครูขอพูดบ้าง สาเหตุบังคับเด็กอาชีวะกินน้ำแช่บุหรี่

(31 พ.ค. 68) จากกรณีที่โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับพฤติกรรมของ “ครูฝน” ครูฝ่ายปกครองของวิทยาลัยอาชีวะศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ที่ลงโทษนักเรียน ปวช. ปี 1 ด้วยการนำบุหรี่ผสมน้ำให้นักเรียนที่สูบทั้ง 11คนดื่ม หลังพบพฤติกรรมสูบบุหรี่ของนักเรียนภายในสถาบันหลายครั้ง  

ล่าสุด ครูฝนเปิดใจทั้งน้ำตา ยอมรับว่าอาจกระทำเกินกว่าเหตุ แต่ทั้งหมดเกิดจากความตั้งใจจริง ที่อยากให้เด็กหลุดพ้นจากพฤติกรรมเสี่ยง ครูฝนกล่าวว่า ปัญหานักนักเรียนก็เป็นกลุ่มเดิมๆ ทั้ง11 คน ที่แอบสูบบุหรี่หลังโรงเรียน ซึ่งติดกับแหล่งชุมชน จนได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหลายครั้ง เนื่องจากกลิ่นควันรบกวน บางคนมีโรคประจำตัว เมื่อมีการตักเตือนกลับถูกนักศึกษาท้าทาย มา3-4ครั้ง ในทำนอง “ยึดไปก็หามาได้อีก” สะท้อนถึงการไม่เกรงกลัวกฎระเบียบและไร้ความยำเกรงต่อสังคม

ซ้ำยังพยายามหาวิธีซุกซ่อนนำบุหรี่ซุกในส่วนต่างๆของร่างกาย ซึ่งบางจุดคุณครูผู้หญิงก็ไม่กล้าที่จะค้นตัว จากด้วยความหวังดีและความเป็นห่วงอนาคตของเด็ก ครูฝนจึงตัดสินใจใช้วิธีการลงโทษที่รุนแรง โดยนำยาเส้นที่อยู่ในบุหรี่ที่ยึดได้มาจากนักเรียนเอง ผสมน้ำให้ดื่มเล็กน้อยแค่เพียงให้รู้รสและกลิ่น เพื่อหวังให้เด็กเข็ดขยาด และหลาบจำ แต่ก็ยอมยอมรับว่า มันเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสม จึงอยากจะขอโทษผู้ปกครองรวมถึงสังคมอย่างสุดซึ้ง

“ครูผิดเองที่เลือกวิธีที่รุนแรงไป แต่ครูแค่อยากให้เด็กไม่เดินผิดทาง ครูอยากให้สถาบันเป็นพื้นที่สีขาวจริงๆ ไม่มีอบายมุข ไม่มีสารเสพติด ครูรักลูกศิษย์ทุกคน อยากให้มีอนาคตที่ดี” 

กับคำถามจากสื่อว่าท้อไหม ทำเอาครูฝนถึงกับนิ่งไปซักพักก่อนตอบปนเสียงสะอื้นว่า “ไม่ค่ะ เพราะมันเป็นผลดีกพวกเขา(เด็กเรียน)” ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนของตนเองและเด็กๆ จากเหตุการณ์ดังกล่าว

และเบื้องต้นทางวิทยาลัยได้สั่งพักงานครูฝนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อรอผลสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่ผู้ปกครองบางรายเริ่มเสียงแตก หันมาให้กำลังใจและเข้าใจครูฝนมากขึ้น 

สำหรับชาวบ้านบางส่วนที่ได้รับรู้เรื่องราวนี้ ก็มีจำนวนไม่น้อย ที่สะท้อนให้เห็นว่า สังคมควรให้พื้นที่แก่ครูที่ทำผิดแล้วสำนึก โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดขึ้น เกิดจากเจตนาดี เพียงแต่ผิดวิธีเท่านั้น ทางนายกัมพล ผู้อำนวยการสถาบันก็ยอมรับว่า ครูฝนลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุจริง แต่ก็เข้าใจถึงเหตุผลของครูฝน แต่บทลงโทษเด็กก็ไม่ควรทำแบบนี้ โดยมาตรการของสถาบันจะยังคงตรวจสอบพฤติการณ์เด็กนักเรียนที่สูบบุหรี่เข้มงวดขึ้น และบทลงโทษก็จะทำให้เข้มขึ้นแต่อยู่ในกรอบของกฏระเบียบที่ถูกวิธี เพื่อตัวประโยชน์และภาพพจน์ของเด็กนักเรียนเองและก็จำยังทำตามนโยบายของกระทรวงฯที่ต้องการให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนสีขาว ต่อไป