
หมอบีถูกร้องยักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ไวยาวัจกรลั่น หากผิดจริง ดำเนินการแน่นอน

หมอบีถูกร้องยักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ไวยาวัจกรลั่น หากผิดจริง ดำเนินการแน่นอน อยากให้หมอบีออกมาชี้แจงต่อสังคมโดยเร็ว เพราะตอนนี้วัดได้รับความเสียหายจากข่าวที่ออกไป อยากให้ทุกเรื่องมีคำอธิบายชัดเจน
(7 ส.ค. 68) ปมเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุยังร้อนแรงต่อเนื่อง หลังมีเสียงวิจารณ์เรื่องความไม่โปร่งใสของหมอบี หรือแพทย์จิตอาสาที่เคยร่วมโครงการกับวัดมานานหลายปี ล่าสุดเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) ฟิว จิรเมธ ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ ลงพื้นที่พูดคุยกับ นายสมพร อายุ 55 ปี ไวยาวัจกรณ์วัดพระบาทน้ำพุ เพื่อสอบถามข้อมูลจากฝ่ายฆราวาสที่ดูแลระบบบัญชีและการเงินของวัด
นายสมพร เปิดเผยว่า ตนเข้ามารับตำแหน่งไวยาวัจกรณ์ได้ 2 ปีแล้ว ปัจจุบันวัดมีบัญชีรับบริจาคทั้งหมด 7 บัญชี โดยใช้ชื่อบัญชีว่า “วัดพระบาทน้ำพุ” เท่านั้น ซึ่งในแต่ละวันจะมียอดบริจาครวมตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท โดยระบบของวัดจะรองรับทั้ง ระบบบัตรอนุโมทนา และอีโดเนชั่นผ่าน QR Code เพื่อให้ผู้บริจาคสามารถขอใบลดหย่อนภาษีได้ทันทีผ่านเลขบัตรประชาชน
สำหรับกรณีของหมอบี นายสมพรยอมรับว่า ตนไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเข้ามาร่วมงานกับวัดตั้งแต่เมื่อใด เพราะหมอบีติดต่อประสานงานกับเจ้าอาวาสโดยตรง และไม่ได้ติดต่อผ่านฝ่ายไวยาวัจกร ส่วนตัวก็ไม่เคยพบเจอหรือพูดคุยกับหมอบีมาก่อน และไม่ทราบว่าโครงการที่หมอบีดำเนินการนั้นมีอะไรบ้าง เพราะวัดไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มจิตอาสาโดยตรง
อย่างไรก็ตาม นายสมพรยืนยันว่า หมอบีไม่เคยส่ง รายงานบัญชีรายรับ-รายจ่าย มายังวัดแต่อย่างใด และกรณีที่หมอบีกดเงินสดมาถวายเจ้าอาวาสนั้น ตนไม่ทราบรายละเอียด เพราะเป็นการดำเนินการโดยตรงระหว่างหมอบีกับเจ้าอาวาส
ในช่วงบ่ายของวันนี้ จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าอาวาส คณะกรรมการวัด และไวยาวัจกร โดยยังไม่ได้กำหนดหัวข้อหลักของการประชุม ซึ่งที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีการประชุมวัด ก็ไม่เคยมีการหยิบยกประเด็นเรื่องโครงการของหมอบีมาหารือเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จนถึงขณะนี้ นายสมพรยอมรับว่ายังไม่มีการสอบถามข้อเท็จจริงจากหมอบีโดยตรง แต่หากมีการตรวจสอบพบว่ามีการยักยอกเงินจริง ก็พร้อมให้ทาง ทนายความของวัด แนะนำแนวทางการดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนตำรวจยังไม่ได้เข้ามาขอข้อมูลหรือสอบถามใด ๆ กับทางวัดอย่างเป็นทางการ
“อยากให้หมอบีออกมาชี้แจงต่อสังคมโดยเร็ว เพราะตอนนี้วัดได้รับความเสียหายจากข่าวที่ออกไป อยากให้ทุกเรื่องมีคำอธิบายชัดเจน” นายสมพรกล่าว
สำหรับกระแสวิจารณ์ในโซเชียลที่มีการกล่าวอ้างว่าวัดนำเงินบริจาคไปแปลงเป็นทรัพย์สินส่วนตัวหรืออสังหาริมทรัพย์ นายสมพรปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เป็นความจริง หากมีการใช้เงินไปในเรื่องลักษณะนั้น จะต้องเป็น โครงการสาธารณะ เช่น การสร้างพุทธสถาน โรงเรียน หรือโรงพยาบาล เพื่อประโยชน์ของประชาชน
โดยเฉพาะการดูแลผู้ป่วย H.I.V. ซึ่งในแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3–4 ล้านบาท ก็ใช้เงินบริจาคของญาติโยมที่ร่วมกันทำบุญ ส่วนในระยะหลังมีการเพิ่มบทบาทวัดในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายทั่วไป ซึ่งทางวัดกำลังพัฒนาสถานพยาบาลรองรับเพิ่มเติม
สำหรับการอนุมัติใช้จ่ายเงินในวัด จะมีคณะกรรมการ 2 ชุด ชุดแรกประกอบด้วย 5 คน มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน ทำหน้าที่พิจารณารายจ่ายภายในวัด ส่วนอีกชุดมี 13 คน โดยมีรองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรีเป็นประธาน ดูแลเรื่องการอนุเคราะห์แก่บุคคลหรือหน่วยงานภายนอก
นายสมพรทิ้งท้ายว่า ตนเองยังศรัทธาในเจ้าอาวาส และเชื่อว่าท่านบริสุทธิ์ใจในการทำงาน ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมอบี จะต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของการตรวจสอบ และหากพบการกระทำความผิดจริง ก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องชื่อเสียงของวัด