
ฉาว! เจ้าหน้าที่บุกค้นวัดป่าใน อ.แม่ลาว พบเจ้าอาวาสซุกสีกาในกุฏิ แถมค่าแอลกอฮอลล์พุ่ง 307 mg%
วันที่ 5 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวติดตามกรณีที่มีคณะสงฆ์ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ในพื้นที่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบุกเข้าไปตรวจสอบวัดป่าแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่พื้นที่ ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 ก.ย. 68 ที่ผ่านมา หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านหลายครั้ง ว่ามีพระภิกษุซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดและจำวัดอยู่เพียงรูปเดียว มีพฤติกรรมดื่มสุราจนมึนเมา และมักมีสีกาหรือหญิงสาวเข้าไปอยู่ในกุฏิด้วยเป็นประจำ เป็นที่เอือมระอาของชาวบ้าน
ต่อมา เมื่อคณะไปถึงวัดพบเป็นพื้นที่ป่าเขาห่างไกลชุมชน ภายในกุฏิพบพระภิกษุรูปดังกล่าว โดยแต่งกายครึ่งท่อนล่างและเปลือยกายท่อนบน เมื่อชุดปฏิบัติการร่วมได้ขอตรวจค้นภายในห้องนอนของกุฏิ ปรากฎว่าพบสีกาจำนวน 1 คน กำลังนั่งหลบอยู่หลังตู้เย็น และที่โต๊ะรับแขกด้านนอกห้องพบมีขวดเหล้ายี่ห้อสักทอง จำนวน 1 ขวด ถูกเปิดดื่มประมาณครึ่งขวดวางไว้อยู่ข้างปิ่นโตกับข้าว
คณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่จึงได้นิมนต์ให้พระภิกษุรูปดังกล่าวนั่งสนทนาและเชิญหญิงสาวออกมาด้านนอก จากการสอบถามเบื้องต้น ทั้งพระภิกษุและสีกาพากันปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด โดยสีกาอ้างว่าอยู่นอกห้องนอน แต่เมื่อเห็นตำรวจจึงเกิดรู้สึกกลัวและวิ่งเข้าไปในห้องนอน เมื่อเจ้าหน้าที่จึงได้นำเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์มาให้เจ้าอาวาสวัดรูปดังกล่าวได้พ่นลมหายใจ ปรากฎว่าพบมีปริมาณสูงถึง 307 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (mg%) ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ทางเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวก็กลับพยายามแก้ตัวว่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอลล์ของเจ้าหน้าที่ขัดข้อง
โดยทางคณะสงฆ์ ได้แจ้งให้เจ้าอาวาสรูปดังกล่าวทราบว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านหลายครั้ง และก่อนหน้านี้ก็เคยตักเตือนไม่ให้สีกาเข้าไปที่วัดอีกแต่ก็ยังไม่เชื่อฟัง หลังจากทางเจ้าคณะอำเภอได้รับทราบเรื่องแล้วก็ถือว่าเจ้าอาวาสไม่สามารถอยู่ภายในวัดแห่งนี้ได้อีกต่อไป เนื่องจากตามพระธรรมวินัยถือเป็น "โลกวัชชะ" โดนตำหนิติเตียน จึงมีทางเลือกให้ 2 ทางคือ ลาสิกขาในพื้นที่นี้หรือไปลาสิกขาในพื้นที่อื่น ภายในเวลา 15.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย. 68) แต่ในภายหลังทราบว่าพระรูปดังกล่าวได้ลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาสเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่วัดดังกล่าวใน อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ โดยได้สอบถามกับนางแดง (นามสมมุติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า วัดป่าดังกล่าว ก่อตั้งมาได้ประมาณ 10 ปี โดยในระยะแรกตนเข้ามาดูแลเรื่องอาหารการกินให้เจ้าอาวาส แต่ช่วงประมาณ 3 ปีก่อน เจ้าอาวาสได้รับแม่บ้านเข้ามาช่วยดูแลเรื่องอาหารการกิน ประกอบกับช่วงนั้นได้มีพระลูกวัดเข้ามาจำพรรษาอยู่ในวัดด้วย ตนจึงไปคอยดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับพระที่มาอยู่ใหม่ และในระยะหลังก็มีชาวบ้านคุยกันถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่ทางเจ้าอาวาสอยู่ลำพังกับสีกาในกุฏิ ซึ่งส่วนตัวตนก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่เขาจะไปมีอะไรกันหรือไม่ แต่หากมองเฉพาะในเรื่องความเหมาะสมตนก็เห็นว่าไม่สมควร จนเป็นที่มาของการร้องเรียน และตอนที่ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบตอนเมื่อวานก็พบว่าเจ้าอาวาสอยู่ในสภาพเมามาย
นางแดง (นามสมมุติ) เล่าต่อว่า ตอนที่ทราบพฤติกรรมเจ้าอาวาสที่พาสีกามาอยู่ลำพังในกุฎิ ตนและชาวบ้านในพื้นที่ต่างรู้สึกอึดอัดใจ แต่หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตรวจสอบและจับพระเจ้าอาวาสสึกไปเมื่อตอนช่วงเย็นเมื่อวานนี้ตอนนี้ก็รู้สึกโล่งใจ ตอนนี้มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความผิดเฉพาะตัว ยังคงศรัทธาในพระพุทธศาสนาเหมือนเดิม
จากการลงพื้นที่พบว่ากุฎิของอดีตเจ้าอาวาสถูกปิดเอาไว้ โดยยังไม่ได้มีใครเข้าไปทำความสะอาด ส่วนอดีตเจ้าอาวาสหลังสึกออกไปก็ไปอาศัยอยู่กับสีกาคนดังกล่าวที่หมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งจากการสอบถามกับทั้งผู้ใหญ่บ้าน และพระลูกวัดอีกรูปทึ่อยู่ในวัด ทุกคนต่างปิดปากเงียบ ไม่ยอมให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างได