“วิโรจน์” แจง สติกเกอร์ไม่ผิด ผิดที่รถไม่มีพาสปอร์ต
“วิโรจน์” แจง สติกเกอร์ไม่ผิด ผิดที่รถไม่มีพาสปอร์ต

“วิโรจน์” ชี้แจงเพิ่ม หลังเจอถล่มว่ามั่ว ชี้เรื่องสติกเกอร์ข้ามแดนไปลาว สติกเกอร์ไม่ผิด ที่ผิดคือกระบวนการได้สติกเกอร์มาทั้งๆ ที่รถไม่มีพาสปอร์ตข้ามแดน ระบุเรื่องนี้กระทบยาวถึงการใช้งบประมาณรัฐในภาคเกษตร
(7 เม.ย. 68) จากกรณีที่วานนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ออกมาโพสต์รูปภาพสติกเกอร์สีขาวรูปตัวอักษร T พร้อมระบุข้อความว่า “ถ้าจ่ายค่าบริการ 1,000 บาท ก็จะได้สติ๊กเกอร์ตัว T มาติดหน้ารถ ทีนี้ก็จะเอารถบรรทุกไปขนสินค้าจากประเทศลาว มายังประเทศไทยได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีพาสปอร์ตรถ นี่จริงหรือครับ”
โพสต์ดังกล่าวมีคนเข้ามาแสดงความเห็นแย้งเป็นจำนวนมาก ระบุว่าสติกเกอร์ตัว T นี่เป็นสติกเกอร์ที่มีการออกให้รถที่จะผ่านข้ามชายแดนไทย-ลาว เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่สติกเกอร์ส่วยที่ผิดกฎหมาย
ล่าสุดนายวิโรจน์ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มในกรณีนี้ว่า “ต้องถามย้ำอีกครั้งว่า จ่าย 1,000 บาท ก็เอาสติ๊กเกอร์ตัว T มาแปะหน้ารถ ***โดยไม่ต้องทำพาสปอร์ตรถ และจะไม่ถูกเรียกตรวจพาสปอร์ตรถ*** แล้วก็สามารถขับรถเข้าไปบรรทุกสินค้าจากประเทศลาว เข้ามายังประเทศไทยได้ จริงๆ หรือครับ แล้วเงิน 1,000 บาท ที่เก็บไป มีใบเสร็จหรือไม่ เข้าหน่วยงานรัฐส่วนไหน
ประเด็นสำคัญ อยู่ที่ ***ไม่ต้องมีพาสปอร์ตรถ (ถ้าเป็นรถบรรทุก พาสปอร์ตรถจะเป็นเล่มสีเขียว)*** ก็ได้ด้วยหรือ?
ปกติแล้ว การจะนำรถข้ามไปยังประเทศลาว จะต้องไปทำพาสปอร์ตรถที่กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด ต้องมีเอกสารประกอบทั่ง สำเนาสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ บัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (ในกรณีที่เป็นรถของบริษัท) หนังสือมอบอำนาจ สำเนาการจ่ายภาษีรถยนต์ จากนั้นก็จะได้ทั้งพาสปอร์ตรถ และสติ๊กเกอร์ตัว T คำถามก็คือ ถ้าไปซื้อสติ๊กเกอร์ตัว T 1,000 บาท ที่ด่านมาติดหน้ารถบรรทุก แล้วก็เอารถบรรทุกเข้าไปรับสินค้าได้ โดยไม่ต้องมีพาสปอร์ตรถ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเรียกตรวจพาสปอร์ตรถ แล้วอย่างนี้ จะต้องหอบเอกสารหลักฐานความเป็นเจ้าของรถต่างๆ ไปทำพาสปอร์ตรถที่กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทำไม
ถ้ามีรถทำแบบนี้สักวันละ 500 คัน ปีหนึ่งก็ 182.5 ล้านบาท เชียวนะ นี่ยังไม่นับผลกระทบต่อประเด็นความมั่นคงต่างๆ ทั้ง การนำรถโจรกรรมไปขาย การลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษี สินค้าผิดกฎหมาย ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ฯลฯ
แล้วการที่เอารถบรรทุกไปขน **มันเส้นราคาถูกจากลาว** ที่ช่องเม็ก เข้ามาผลิตเอทานอลในประเทศไทย เราไม่กังวลกันเลยหรือว่า โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกมันสำปะหลัง ปี 2567/68 วงเงิน 300 ล้านบาท ที่สนับสนุนดอกเบี้ยแก่ผู้ประกอบการลานมัน โรงแป้ง โรงงานเอทานอลที่กู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐ ให้มีสภาพคล่องในการรับซื้อมันสำปะหลัง และแปรรูปเก็บสต็อกในรูปแบบมันเส้น หรือแป้งมัน เป็นระยะเวลา 60 - 180 วัน เพื่อดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด (เป้าหมาย 6 ล้านตันหัวมันสด)
โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยแก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตามระยะเวลาที่เก็บสต็อก และมีระยะเวลารับซื้อ ตั้งแต่ 1 ม.ค.-31 พ.ค.68 ระยะเวลาเก็บสต็อก ตั้งแต่ 1 ม.ค.-30 พ.ย.68 ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติ-31 ต.ค.69
ตกลงแล้ว เงินภาษีของพวกเรา 300 ล้านบาท ตกลงแล้วจะสามารถช่วยพยุงราคมามันสำปะหลัง และเกิดประโยชน์แก่เกษตรกรไทยผู้ปลูกมันสำปะหลัง ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือเปล่า”
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
