‘ศุภณัฐ’ ซัดแรง รัฐบาลไร้ผู้นำ ปล่อยหน่วยงานปัดตกข้อเสนอลดฝุ่นของ ผู้ว่าฯ

‘ศุภณัฐ’ ซัดแรง รัฐบาลไร้ผู้นำ ปล่อยหน่วยงานปัดตกข้อเสนอลดฝุ่นของ ผู้ว่าฯ

45614 ก.พ. 68 15:28   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

‘ศุภณัฐ’ ซัดแรง รัฐบาลไร้ผู้นำ ปล่อยให้หน่วยงานราชการปัดตกมาตรการลดฝุ่น 7 ข้อ จาก 11 ข้อ ที่ผู้ว่าราชการ กทม. เสนอมา

(14 ก.พ. 68) นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านบัญชี X ของตนเอง @BankSuphanatMin หลังวันนี้ร่วมกับเพื่อน สส.กทม. ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรื่องการจัดการฝุ่นในพื้นที่ กทม.ของรัฐบาล โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า


“[รัฐบาลไร้ผู้นำ ปล่อยหน่วยงานไล่ปัดตก 7 จาก 11 ข้อเสนอ ผู้ว่า แก้ฝุ่น PM 2.5]

 

จากที่สส. และ สก. กทม. พรรคประชาชน พยายามแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยให้ กรรมาธิการที่ดินและสิ่งแวดล้อม ได้เชิญ นายก และผู้ว่า กทม. และ 16 หน่วยงาน เพื่อติดตาม 11 ข้อเสนอแก้ฝุ่น PM จากผู้ว่า กทม. 


ทว่ากลับส่งหน่วยงาน มาชี้แจงเท่านั้น ไม่มีตัวแทนจาก #ฝ่ายการเมือง มาประชุมเพื่อหาทางผลักดันข้อเสนอ


โดยหน่วยราชการ ปัดตก 7 จาก 11 ข้อเสนอ ของผู้ว่า กทม. ทั้งเรื่อง


1.การกระจายอำนาจ ตาม พ.ร.บ. การขนส่งทางบก // ให้ กทม. เป็น "ผู้ตรวจการ ขนส่ง"  มีอำนาจ จับรถบรรทุก รถโดยสาร ควันดำ

กรมการขนส่งทางบก ไม่เห็นด้วย  เพราะเกรงว่า กทม.จะมีอำนาจมากเกินไป 


2.การปรับลดเกณฑ์ความทึบแสง  จาก 30% เหลือ 10% เพื่อจับ รถควันดำ ให้ได้มากขึ้น 

กรมการขนส่งทางบก ไม่เห็นด้วย  


3.การบังคับรถเก่า ติดตั้ง เครื่องกรองมลพิษ ที่ท่อไอเสีย 

กรมการขนส่งทางบก ไม่เห็นด้วย  


4.การปรับโครงสร้างภาษี รถที่เก่า รถที่ปล่อยมลพิษเยอะ เก็บภาษีเยอะขึ้น

กรมการขนส่ง ไม่ได้จะปรับภาษีให้สูงขึ้น ตามมลพิษที่ปล่อย


5.ย้ายท่าเรือคลองเตย 

การท่าเรือ แจ้งว่าไม่มีนโยบายย้าย 


6.การให้ กทม. มีอำนาจ ควบคุมมลพิษ จากการเดินเรือ ในกรุงเทพฯ ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริม และรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ

กรมควบคุมมลพิษ ไม่เห็นด้วย 


7.เรื่อง การควบคุมจำนวนรถยนต์  โดยจำกัด การซื้อรถยนต์ใหม่ ที่ต่ำกว่า EURO 5, หรือ สนับสนุนรถ EV หรือ การให้นำทะเบียนรถเก่า มาแลกรถใหม่ เพื่อให้รถเก่าออกจากระบบ

หน่วยงานแจ้งว่า ไม่มีนโยบาย 

 

โดยถ้ามองลึกลงไปใน 7 ข้อเสนอ ที่โดนปัดตกนั้นจะเห็นว่า ข้อเสนอแบ่งได้เป็น 2มิติ


มิติที่ 1 คือ ด้านการกระจายอำนาจ 

โดยปกติ ไม่มีหน่วยงานเห็นด้วยอยู่แล้วในการโอนอำนาจของตนให้ท้องถิ่น 


ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ผลักดัน  และ ผู้ว่า กทม.ไม่มายืนยันความพร้อม และกดดันให้เกิดการกระจายอำนาจ มิตินี้ ไม่มีทางเกิดขึ้น 


มิติที่ 2 คือ ด้านการเงิน การอุดหนุน และ ภาษี 

ซึ่งรวมถึง มาตรการที่พรรคประชาชน เสนอต่อรัฐบาล อาทิ 

- มาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนรถเก่าเป็นรถสะอาด

- การ subsidise เอกชน เพื่อทำ WFH

- การเร่งรัดจัดหา รถเมล์ EV

- การพัฒนาโครงข่ายขนส่งสาธารณะ

- การปรับภาษีรถยนต์ ให้แปรผันตามค่ามลพิษ และ 

- การใช้ภาษีรถติด แทนภาษีเขตมลพิษต่ำ  


ซึ่งเป็นมาตรการที่ต้อง “ขับเคลื่อนโดยฝ่ายการเมือง” แปลว่า ถ้ารัฐบาลไม่สั่ง ก็จะไม่เกิดมาตรการเหล่านี้ 


ซึ่งตอนนี้รัฐบาล และฝ่ายการเมือง ขาดเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้ไม่มีนโยบายเพื่อกำหนดทิศทางการทำงาน ปล่อยให้หน่วยงานราชการ คิดเอง-ทำเอง-ตัดสินใจเอง “ตามยถากรรม” เรียกว่า รัฐบาลกำลังบริหารประเทศ และบริหารวิกฤตฝุ่น pm2.5 แบบ “ตามมีตามเกิด” เกิดเป็นสภาวะ “ไร้ผู้นำ”


ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ นายก “ต้องทำตัวเป็นผู้นำ” เรียกประชุมทุกหน่วยงาน เพื่อสรุปข้อเสนอจากหลายภาคส่วน และประกาศออกมาเป็นนโยบายและวางเป้าหมายของรัฐบาลที่ชัดเจน เพื่อให้หน่วยงาน มองภาพไปในทิศทางเดียวกัน ถึงจะขับเคลื่อนการแก้ปัญหา PM2.5 ได้”



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง