11 ปีรัฐประหาร บทเรียนการเมืองไทย ในโอกาสวาระ 33 ปี พฤษภา35

(8 พ.ค.68) เวลา09.30 น. ห้อง211 คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดงานแถลงข่าวและอภิปรายทางวิชาการ 11 ปีรัฐประหาร พฤษภา 2557 สรุปบทเรียนการเมืองไทย ประชาธิปไตยจะไปอย่างไรต่อ ในโอกาสวาระ 33 ปี พฤษภา35 

ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผอ.ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมแถลงข่าวสิ่งที่เกิดขึ้นการเมืองไทยในช่วง 11 ปี ที่ผ่านมา 

จากกรณีเหตุการณ์ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม เป็นตัวอย่างที่บอกให้ทราบถึง การทุจริต คอร์รัปชัน ที่สืบเนื่องมาจากรัฐบาลรัฐประหาร คสช. รวมถึงโครงการอื่นๆที่ทิ้งร้างมูลค่ามหาศาล กระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศไทย คนของ คสช. ก็มีการตั้งงบประมาณให้กับโครงการของตนเอง เพราะฉะนั้นใครที่โหยหารัฐประหารหวังปราบปรามคอร์รัปชันสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้สามารถบอกได้ว่าไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ และให้ผลตรงกันข้าม 

และดัชนีชี้วัด เรื่องความโปร่งใสนานาชาติ ที่จัดทำโดย สำนักงาน ป.ป.ช. แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยได้รับคะแนนการทุจริตจากเต็ม 100 มีแนวโน้มลดน้อยลงต่อเนื่องทุกปีเหลือ 30 กว่าคะแนน ตั้งแต่ในช่วงรัฐประหาร

นอกจากนี้มีข้อเสนอกรณีการเลือกส.ว.ชุดใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการฮั้ว สว. ควรเปลี่ยนแปลงแก้ไขการเลือกกันเองซึ่งสามารถทำได้โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง อีกแนวทางหนึ่งคือการเปลี่ยนวิธีการเลือกกันเอง โดยการแก้ พ.ร.ก.การได้มาซึ่ง ส.ว.  

สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ของรัฐบาลรัฐประหารเป็นลักษณะระบบพวก ถ้าหากไม่ใช่คนของตนเองก็จะไม่ให้ความเห็นชอบกับองค์กรอิสระนั้น แต่องค์กรอิสระจะเป็นของใครไม่ได้นอกจากของประชาชนที่จะต้องทำให้เกิดการตรวจสอบ 

ผู้ที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องช่วยกันทำให้ประชาธิปไตยไม่ล้มเหลวอีก ขอให้ทำงานโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนภายใต้กรอบประชาธิปไตย เพื่อจะไม่ทำให้คนไปเรียกร้องหรือถวิลหาวิธีการที่ไม่ชอบด้วยประชาธิปไตยอีกครั้ง บทสรุปคือรัฐประหารในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ประชาธิปไตยเกิดความล้มเหลว จึงต้องทำให้เกิดการฟื้นฟูประชาธิปไตย รวมทั้งกระบวนการยุติธรรม และสังคมไทยไปต่อได้ขอแค่อย่าให้มีรัฐประหารอีก