“วิโรจน์” ซัด นายกฯ ใช้ตั๋ว PN ในกงสี เลี่ยงภาษี 218 ล้านบาท

“วิโรจน์” ซัด นายกฯ ใช้ตั๋ว PN ในกงสี เลี่ยงภาษี 218 ล้านบาท

106124 มี.ค. 68 11:46   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“วิโรจน์” ซัด “แพทองธาร” ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน(ตั๋ว PN)ให้เครือญาติ 4 พันกว่าล้าน เลี่ยงไม่เสียภาษีรับ-ให้ 218 ล้านบาท จ่อชง ป.ป.ช. ฟันผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ ถ้าผิด สส.ที่ยกมือไว้วางใจอาจโดนด้วย

(24 มี.ค. 68) ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ว่ามีการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยง “ภาษีการรับให้” มาตั้งแต่ปี 2559


โดยภาษีการรับให้ เป็นการกำหนด มาตรา 42(27) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะ หรือจากการให้โดยเสน่หาจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส จะได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินยี่สิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้น หมายความว่าลูกให้แม่ แม่ให้ลูก ถ้าเกิน 20 ล้านบาท ส่วนที่เกินต้องเสียภาษีในอัตรา 5% และในมาตรา 42(28) เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี จากบุคคลซึ่งไม่ใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส จะได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท หมายความว่าพี่ให้น้อง น้องให้พี่ ลุงให้หลานหลานให้ลุง ถ้าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกินต้องเสียภาษี ในอัตรา 5% เช่นเดียวกัน


แต่จากบัญชีทรัพย์สินของแพทองธาร ชินวัตร ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พบว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีการออกสัญญาใช้เงิน หรือ ตั๋ว PN จำนวน 9 ฉบับ เพื่อซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ รวมมูลค่า 4,434.5 ล้านบาท โดยไม่มีกำหนดการใช้คืน และไม่มีการคิดดอกเบี้ย


ทำให้การซื้อหุ้นดังกล่าวเป็นที่น่าสงสัยว่าเป็นการใช้ตั๋ว PN ทำนิติกรรมอำพราง ซื้อขายปลอมเพื่อเลี่ยงภาษีการรับ-ให้ รวม 218.7 ล้านบาทหรือไม่ เป็นพฤติกรรมที่เอารัดเอาเปรียบประชาชนเอาเปรียบสังคม เม้มผลประโยชน์ของชาติ บ่อนทำลายการพัฒนาประเทศ


นายวิโรจน์อธิบายว่าจุดแตกต่างระหว่าง ‘การได้หุ้นจากการให้’ กับ ‘การซื้อหุ้น’ ก็คือ ถ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้หุ้นมาจากการให้ของ พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ น.ส.แพทองธาร ก็ต้องเสีย ‘ภาษีการรับให้’ ให้กับรัฐ แต่ถ้าเป็นการซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ น.ส.แพทองธารก็ไม่ต้องจ่ายภาษีเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว และเนื่องจากหลักเกณฑ์การรับรู้รายได้ในการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะใช้เกณฑ์เงินสด ซึ่งรายได้จะถูกนับเป็นเงินได้พึงประเมิน ก็ต่อเมื่อมีการรับเงินสดจริง


ดังนั้นการที่ น.ส.แพทองธาร จ่ายค่าหุ้นที่ซื้อด้วยตั๋ว PN ที่ไม่ได้มีการจ่ายเงินกันจริง จะจ่ายกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำให้พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ไม่ต้องเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเลยแม้แต่บาทเดียว และต่อให้มีการจ่ายค่าซื้อหุ้นกันในภายหลัง พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ก็ไม่ต้องเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดาอยู่ดี เพราะตามมาตรา 40(4)(ช) ของประมวลรัษฎากรกำหนดว่า รายได้จากการขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ เฉพาะส่วนเกินจากมูลค่าหุ้น (Capital Gain) หรือกำไรจากการขายหุ้นเท่านั้น จึงจะถูกนับเป็นเงินได้พึงประเมิน ดังนั้นหากกงสี ขายหุ้นให้แพทองธารในราคาพาร์ หรือราคาทุน พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ ก็ไม่ต้องจ่ายภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเลย สลึงเดียวก็ไม่กระเด็นออกจากกงสี


นายวิโรจน์ระบุอีกว่าตนจะนำเรื่องนี้เข้าสอบถามอธิบดีกรมสรรพากร ว่าพฤติกรรมเช่นนี้เข้าข่ายการเลี่ยงภาษีหรือไม่ หากไม่เข้าข่ายขอให้อธิบดีกรมสรรพากร ออกระเบียบให้ชัดเจนเพื่อให้ครอบครัวอื่นทำตามได้ นอกจากนี้ยังได้ยกตัวอย่างประกอบว่าต่อไปอาจมีบุคคลอื่นนำพฤติกรรมนี้ไปใช้เพื่อหลบเลี่ยงภาษี ฟอกเงิน ทุจริตคอรัปชันได้ด้วย


ถ้าเจตนาที่แท้จริง แพทองธารได้รับหุ้นจากพี่สาวพี่ชาย ใช้ตั๋ว PN เป็นเครื่องมือในการสร้างหนี้ปลอม ทำธุรกรรมการซื้อหุ้นปลอม พฤติกรรมนี้เป็นการหลีกเลี่ยงจ่ายภาษีรับให้ เข้าข่ายกระทำความผิดหลีกเลี่ยงจ่ายภาษีอากร ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร 2557 (2) ผู้ใดกระทำการเท็จ ฉ้อโกง หรือวิธีการอื่นใด หลีกเลี่ยงการเสียภาษีต้องระวางโทษตั้งแต่ 3 เดือน – 7ปี ปรับ 2,000-200,000 บาท  


นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ในกรณีนี้นักข่าวเคยถามแล้ว แต่นายกตอบ ช่วยเซฟดิฉันและหัวเราะกลบเกลื่อน แต่วันนี้ใครก็ช่วยเซฟไม่ได้ ให้พ่อมาช่วยตอบ สามารถอนุญาตตามข้อบังคับข้อที่ 17 ได้ ถ้าเรายอมรับการใช้ตั๋ว PN ของรัฐบาล ความเสียหายจะเกิดขึ้น ตั๋วเป็นเครื่องมือในการทำคอร์รัปชั่น ติดสินบน ในอนาคต


วิโรจน์อภิปรายทิ้งท้ายว่า “...พฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษีของ แพทองธาร ชินวัตร หลังจากนี้จะต้องมีการร้องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แน่ๆ ซึ่ง ป.ป.ช. มีอำนาจตามมาตรา 234 ของรัฐธรรมนูญ ในการไต่สวนและมีความเห็นต่อกรณีที่แพทองธาร ชินวัตร ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และพิจารณาส่งสำนวน และความเห็นของ ป.ป.ช. ไปที่ศาลฎีกาต่อไป ผมเชื่อว่าพฤติกรรมเช่นนี้ แพทองธาร ชินวัตร ก็ไม่รอด

 

ผมเป็นห่วงก็แต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะยกมือไว้วางใจคนอย่างแพทองธาร ชินวัตร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะในหมวด 2 ว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อ 19 การคบหาสมาคมกับผู้ประพฤติผิดกฎหมาย หรือผู้มีความประพฤติ หรือผู้ที่มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ ก็อาจเข้าข่ายการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงได้เช่นเดียวกัน ถ้ามีคนไปร้อง ส.ส.ที่ยกมือให้แพทองธาร ก็อาจจะเข้าปิ้งตายตกตามแพทองธารไปด้วย

 

แพทองธาร ชินวัตร การเสียภาษีอย่างถูกต้อง เป็นหน้าที่พื้นฐานที่สุด คนๆ นี้ ยังทำอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ ประชาชนเขาหวังฝากความหวังไว้กับผู้นำ แต่กลับได้โจรใส่อาภรณ์ขุนนางสวมรองเท้าไข่มุก ปากที่ตัวเองเคยพูดว่ามีกินมีใช้ ไปพร้อมๆ กัน ที่แท้ก็คือการหาช่องว่างทางกฎหมายเพื่อให้มีกินกันเฉพาะกงสี ให้ได้อิ่มหมีเฉพาะตระกูล แพทองธาร ชินวัตร นายกหนีภาษี ไม่มีศักดิ์ศรีที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปได้อีกแล้ว”


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat