"สนธิ - จตุพร" ประกาศไม่อ่อนข้อให้กัมพูชา พร้อมลงถนนแม้เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต
"สนธิ - จตุพร" ประกาศไม่อ่อนข้อให้กัมพูชา พร้อมลงถนนแม้เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต

"สนธิ-จตุพร" กร้าวไม่ขออ่อนข้อให้กัมพูชา ร้องไม่เอา "ประศาสน์" เป็นหัวหน้าคณะเจรจา ชู 6 มาตราการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาชายแดน พร้อมลงถนนแม้จะเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต จี้ให้ยกเลิก MOU 43
(10 มิ.ย.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สองอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย , นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา , นายวีระ สมความคิด นักสิทธิมนุษยชน , นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. และเครือข่ายภาคประชาชน ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือ
นายสนธิ กล่าวยืนยันว่า ถึงเวลาที่ต้องปกป้องอธิปไตยไทย หากจะลงถนน ตนไม่ขัดข้องถึงแม้จะอายุ 78 ปีแล้ว จะเป็นการลงครั้งสุดท้ายก่อนตาย ตนก็ยินดี และเชื่อว่าประชาชนหรือว่าทุกคนบนโต๊ะนี้ ร่วมกับตนแน่ และขอฝากถึง น.ส.แพทองธาร , นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย
"เรามาเตือนรัฐบาล ใครก็ตามที่มีเจตนาใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ในการเจรจาทวิภาคี คือการสละอธิปไตย เป็นกบฏ 20 ปีที่ทำเรื่องนี้มา เรามีหลักฐานว่าความผิดสำเร็จแล้ว เราไม่อยากสิ้นชาติ สิ้นรัฐบาลไม่เป็นไร"
ด้านนายปานเทพ กล่าวว่า แม้มีสัญญาณว่ากัมพูชาจะถอย แต่เราไม่เชื่อ เราเชื่อว่าเป็นการถอยทางยุทธวิธี เพราะปัจจุบันเรายังไม่สามารถไว้วางใจได้ ยังเห็นท่าทีของกัมพูชาเป็นปัญหาภัยคุกคามต่อความมั่นคงเศรษฐกิจของไทย อีกทั้ง กัมพูชายังประกาศว่า พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม , ปราสาทตาเมือนโต๊ด , ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย (สามเหลี่ยมมรกต) เป็นของกัมพูชา และจะนำเรื่องเข้าสู่การตัดสินที่ศาลโลก และกัมพูชายังยึดมั่นในพื้นที่มาตรา 1:200,000 ที่จัดทำโดยฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการรุกล้ำฝ่ายไทย
โดยตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปี 2547 มีการละเมิดข้อตกลงไปแล้ว 470 ครั้ง อีกทั้ง MOU 2543 สร้างความขัดแย้งให้กับไทย-กัมพูชา มา 25 ปี ที่สำคัญกัมพูชาเป็นพื้นที่อาชญากรรมทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศไทยตลอดแนวชายแดน ไม่ว่าจะกาสิโน , แก๊งคอลเซ็นเตอร์ , พนันออนไลน์ และการทำลายสัตว์ป่า -ป่าไม้ ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงเรียกร้องให้รัฐบาล ทำตาม 6 มาตรการ ดังนี้
- ต้องไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกหรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และไม่ยอมรับการที่กัมพูชานำเรื่องเข้าสู่การพิจารณา โดยให้ใช้กลไกทวิภาคี JBC เท่านั้น
- ไทยต้องประท้วงอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลกัมพูชาและทางสากล ว่า 3 ปราสาทและ 1 ดินแดน เป็นดินแดนอธิปไตยของไทย
- ยกเลิก MOU 2543 เพื่อยกเลิกแผนที่มาตราส่วน 1:200,000
- ยกเลิก MOU 2544 ยกเลิกเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา และใส่เส้นมัธยะตามหลักสากล
- สั่งการและมีมติเพิ่มเติมอำนาจต่อรองให้คณะเจรจา ไม่ว่าจะปิดด่าน แก้ปัญหาชายแดน พนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฯลฯ ต้องกดดันต่อด่านปอยเปรตและกาสิโนทั้งหมด
- หากสถานการณ์ไม่สามารถเจรจาได้ ภาคประชาชนสนับสนุนให้กองทัพไทยประกาศกฎอัยการศึก
ขณะที่ นายวีระ เรียกร้องอีกว่า หากใช้ MOU 2543 ไปเจรจา เราจะแพ้กัมพูชา แค่เริ่มก็แพ้ และขอให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะเจรจาคือ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ทำให้ตนถูกจำคุกที่กรุงพนมเปญ ให้ยอมรับว่าเราเข้าไปในเขตกัมพูชาทั้งที่เป็นเขตของประเทศไทย กล่าวหาว่าเราเป็นสายลับ ไปโจรกรรมความลับในกัมพูชา ขอยืนยันว่า ถ้าไทยจะให้นายประศาสน์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจา ตนว่าประเทศเสียหาย และรัฐบาลต้องรับผิดชอบ
นายจตุพร กล่าวว่า ไทยเสียดินแดนมากกว่าที่เหลือ ช่วงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 พูดว่า จะไม่ยินยอมเสียแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร และนายทักษิณ เราเห็นเรื่องดินแดนเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี การลงพื้นที่ของนายกฯ ตรงข้ามกับแหล่งปัญหาทุกเรื่อง จะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามตะกร้อ "โนแมนสแลน (ไม่ได้) แปลว่าแผ่นดินไม่มีเจ้าของ แต่แปลว่าชายที่ไม่มีแผ่นดินอยู่" เมื่อมีการยืนยันชัดเจนว่า 3 ปราสาทจะนำขึ้นศาลโลก ไม่ประชุมในโต๊ะ JBC และประเทศไทย ส่งนายประศาสน์ ไปเจรจาเรื่องประสาท ความเป็นจริงการเจรจาต้องยกเลิก เพราะ JBC คือทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่ขอเจรจากับกัมพูชา - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
