"ทักษิณ" ยกทัพใหญ่ ตรึงเชียงราย ช่วย "สลักจฤฎดิ์" ลุยศึกเลือกตั้งชิงนายก อบจ.

"ทักษิณ" ยกทัพใหญ่ ตรึงเชียงราย ช่วย "สลักจฤฎดิ์" ลุยศึกเลือกตั้งชิงนายก อบจ.

14705 ม.ค. 68 17:31   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

"ทักษิณ" ยกทัพใหญ่ ตรึงเชียงราย ช่วย "สลักจฤฎดิ์" ลุยศึกเลือกตั้งชิงนายก อบจ. เผย เดินหน้าทุบค่าไฟ เหลือ 3.70 บาท มั่นใจ รัฐบาล "อุ๊งอิงค์" แก้ไขปัญหาประเทศได้ เชื่อ 2 ปี หนี้ประเทศจะลดลง

(5 ม.ค.67) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ของนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปปราศรัยหาเสียงสามเวที-สามอำเภอ จ.เชียงราย เพื่อช่วยนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ในนามพรรคเพื่อไทย โดยเวทีแรกไปปราศรัยที่เวทีโรงเรียนปล้องวิทยาคม ต.ปล้อง อ.เทิง และช่วงบ่ายที่สนามโรงเรียนบ้านห้วยซ้อวิทยาคม อ.เชียงของ และเวทีสุดท้ายช่วงเย็นที่สนามโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อ.แม่จัน 


โดยการปราศรัยได้มีผู้สนับสนุนหลายคนปราศรัย เช่น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎ (ส.ส.) พรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก อบจ.เชียงราย ฯลฯ โดยมีเนื้อหาว่า นายทักษิณเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถซึ่งสืบทอดมาถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐนตรีคนปัจจุบัน ถ้าเลือกตั้งท้องถิ่นจะเชื่อมกับรัฐบาลได้ 


ขณะที่นายทักษิณได้ปราศรัยบนเวทีโดยพูดเป็นภาษาเหนือนานประมาณ 40 นาที มีเนื้อหาว่าตนคิดถึงพี่่น้องชาวเชียงรายเพราะห่างหายไปกว่า 17 ปี และมีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่เป็นน้องรักของตนอยู่แล้วโดยเคยร่วมกันสร้างพรรคและเมื่อครั้นตนเป็นนายกรัฐมนตรีก็ให้เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วยจนต่อมาได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นเมื่อได้ส่งนางสลักจฤฎดิ์ลงสมัครตนจึงต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่ อีกประการคือลูกสาวตนเป็นนายกรัฐมนตรีขณะที่ผู้สมัครก็ลงเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยด้วย


เดิมตนไม่ค่อยเท่าไหร่กับการเมืองท้องถิ่นเพราะเดิมเคยเป็นรัฐบาลจากพรรคการเมืองใหญ่ แต่เมื่อได้กลับมาก็มุ่งจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ให้ประชาชนจึงอยากให้ประชาชนเลือกนางสลักจฤฎดิ์ให้เข้าไปทำงาน ในส่วนของรัฐบาลจะมีการจ่ายเงินให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทั่วประเทศประมาณ 3 ล้านคนๆ ละ 10,000 บาทในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จากนั้นยังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างการผ่อนบ้านและรถอยู่ด้วย


อดีตนายกรัฐมนตรีที่พ้นโทษกลับประเทศไทยกล่าวต่อว่า ตนไม่อยู่บ้านนานถึง 17-18 ปีเมื่อกลับมาพบว่าระบบที่เคยทำไว้เสียหายหมด จึงกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรและเห็นว่าการฟื้นเศรษฐกิจต่างจังหวัดสำคัญ ถ้าชาวบ้านมีกินมีใช้เศรษฐกิจประเทศก็จะเดินหน้า เพราะทุกวันนี้ประชาชนไม่มีเงินใช้ขาดสภาพคล่อง ร้านค้าปลีกต่างจังหวัดก็แย่เพราะมีแต่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านใหญ่ที่มาจากกรุงเทพฯ เงินก็ไหลเข้าสู่ส่วนกลางหมด สินค้าเกษตรขายไม่ได้ ฯลฯ ดังนั้นตนจึงตั้งใจในการแก้ไขปัญหาโดยพัฒนาในสิ่งที่ชาวบ้านเก่งอยู่แล้ว เช่น งานหัตถกรรม ดนตรี เกษตรกรรม รัฐบาลจะนำมหาวิทยาลัยเชื่อมกับ อบจ.ในการสร้างงานสร้างรายได้ จะมีการเจียระไนหาคนไทยที่เก่งๆ ทั่วประเทศ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในปีนี้ ปี 2568 นี้ กลไกสำคัญอยู่ที่ อบจ.จึงขอให้เลือกนางสลักจฤฎดิ์เพื่อให้ค้นหาเพชรเม็ดงามในเชียงรายต่อไป


นายทักษิณ กล่าวว่า ยามว่างก็ได้เข้าไปดูสื่อสาธารณะหรือโซเชียลได้เห็นบางคนชีวิตน่าจะเหลือน้อยลงไปทุกที เดี๋ยวก็จะแขวนคอตายเพราะชีวิตมองโลกแย่หมด อีกไม่กี่วันตนจะเอาเชือกไปให้มัน เพราะเช้าและสายก็ด่ารัฐบาลหมด มีอยู่แค่ 4-5 ตัว พวกนี้สงสัยอยากได้เชือก อย่างไรก็ตามเราจะทำในสิ่งสร้างสรรค์มากกว่าโดยใช้โซเชียลอย่างติ๊กต็อกมาขายของให้ชาวบ้าน โซเชียลจึงควรใช้ในทางสร้างสรรค์ แต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เข้ามาแล้วก็ด่าอย่างเดียวทำไมไม่ด่าพ่อแม่มันบ้าง ตนจึงรู้สึกสมเพชเพราะลักษณะพวกนี้เหมือน "แตงไม่ขึ้นซ้าง" (แตงไม่เลื้อยขึ้นนั่งร้าน) 


นายทักษิณกล่าวในเรื่องเดียวกันว่าเมื่อครั้นตนยังไม่เล่นการเมืองตนก็สบายดีอยู่ กระทั่งปี 2536 ตนก็มีเงินถึง 6 หมื่นล้านแล้ว พอเล่นการเมืองจึงหมดไปเรื่อยๆ พวกควายยังมาด่าตนอีก พ่อมึงไม่รู้หรือไง ตนรวยมาตั้งแต่ปี 2535-36 แล้ว ตนคิดแบบคนสมัยใหม่แต่คนรุ่นเก่ากลับด่าตนสารพัด มีอยู่คนบอกว่าตนสร้างความวุ่นวายเพราะแค้นตนมาตั้งแต่ปี 44 ที่บ้านของเขาหน่วยเลือกตั้งมี 450 คน เลือกเขาเพียงแค่ 47 คน ประชาชนยังไม่เลือกเลย 

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่าตนได้ตั้งตำแหน่งให้ตัวเองคือ สท.หมายถึงเสือกทุกเรื่อง เมื่อไปพบปัญหาที่ไหนก็จะส่งให้รัฐบาล 


พอดีมีนายกรัฐมนตรีที่เคยตามตนมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ขณะหาเสียงตอนตั้งพรรคไทยรักไทยก็ยังยืนดูตนอยู่ ตอนไปประชุมเอเปคที่ประเทศชิลีก็ไปด้วย จึงซึมซับการเมืองและรักพี่น้องประชาชน จึงเข้ามาทำงานทั้งๆ ที่เขาก็สบายอยู่แล้ว ตนจึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยโดยการนำของนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์จะแก้ไขปัญหาประเทศได้ โดยตั้งเป้าว่าปี 2568 ทุกฝ่ายจะทำงานให้หนักและเศรษฐกิจดีขึ้น และปี 2569 เปรียบเหมือนเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ต่อไป จากนั้นขอเวลาอีก 2 ปีหนี้ประเทศจะลดลง 


นายกทักษิณยังพูดถึงเรื่องการใช้พลังงานไฟฟ้าว่าในปี 2568 นี้จะต้องเอาตัวเลขการใช้ไฟให้เหลือเลข 3 ดูแล้วน่าจะให้ถึง 3.70 น่าจะได้ ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กผฟ.) เป็นองค์กรผลิตไฟฟ้าเพื่อขายเอากำไรส่วนหนึ่ง และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และเอกชน ก็จะนำมาจ่ายต่อสุดท้ายประชาชนก็ตายกันพอดี จึงต้องแก้ไขปัญหาและยืนยันให้ค่าไฟฟ้าลดลง เมื่อนั้นสินค้าอื่นๆ ก็จะลดลงตาม เพราะธุรกิจย่อมหวังผลกำไรแต่ไม่ใช่ได้กำไรแล้วอยู่อย่างสุขสบาย สุดท้ายขอให้ประชาชนได้เลือกนางสลักจฤฎดิ์เป็นนายก อบจ.เชียงราย และไปบอกคนอื่นๆ ว่าตนขอให้ช่วยเลือกด้วย


สำหรับนางสลักจฤฎดิ์ คืออดีตนายกฯอบจ.เชียงราย ภรรยานายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา นักการเมืองภาคเหนือคนสนิทนายทักษิณ ชินวัตร และเป็นมารดาของ ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช หรือโฮม ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย


ทั้งนี้ นางสลักจฤฎดิ์ ลงสมัครแข่งขันกับ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายกฯอบจ.เชียงราย สมัยที่ผ่านมา ที่ลงในนามอิสระ แม้จะถูกมองว่า มีเครือข่ายสีน้ำเงินคอยหนุนหลัง เนื่องจากการเลือกตั้งส.ส.ปี 2566 คนในบ้านใหญ่ตระกูลวันไชยธนวงศ์ ซึ่งมีฐานที่มั่นใหญ่อยู่ที่อำเภอเทิง บางส่วน คือนายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ อดีตส.ส.เชียงรายสองสมัย ย้ายจากพรรคเพื่อไทยไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยอย่างมาก 


จนสุดท้ายดันให้ เทิดชาติ ชัยพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงราย ที่ถือว่าโนเนมทางการเมืองพลิกเอาชนะรังสรรค์ อดีตส.ส.เชียงรายสองสมัยจากบ้านใหญ่ตระกูล วันไชยธนวงศ์ ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ นางอทิตาธร ไปได้ ซึ่งปัจจุบันนายรังสรรค์ เป็นรองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง (อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย)


ทั้งนี้ในการเลือกตั้งนายกฯอบจ.เชียงรายเมื่อปี 2563 พรรคเพื่อไทยส่ง นส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ แต่ก็แพ้ให้กับ นส.อทิตาธร แบบพลิกล็อก แม้นายทักษิณจะเขียนจดหมายจากแดนไกลมาช่วยหาเสียงให้ก็ตาม ขณะเดียวกันการเลือกตั้งส.ส.เชียงราย เมื่อปี 2566 ปรากฏว่าเชียงรายที่มีส.ส.เขต 7 ที่นั่งปรากฏว่าเพื่อไทย 


จากเดิมที่เคยชนะยกจังหวัดมาหลายสมัย แต่เลือกตั้งที่ผ่านมาได้มา 4 ที่นั่ง ส่วนอีก 3 ที่นั่งเป็นของพรรคก้าวไกล ส่วนคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ทั้งจังหวัด พรรคเพื่อไทยได้ 285,544 คะแนน ส่วนพรรคก้าวไกล ได้มาอันดับสอง 276,139 คะแนน เรียกว่าห่างไกลไม่ถึงหนึ่งหมื่นคะแนน แต่ปรากฏว่า พรรคประชาชน ไม่ได้ส่งคนลงสมัครนายกฯอบจ.เชียงรายแต่อย่างใด และด้วยการที่ พรรคเพื่อไทยและนายทักษิณต้องการแก้มือ หลังแพ้เลือกตั้งนายกฯอบจ.เชียงรายปี 2563 และต้องการวัดกระแสคนเชียงราย ที่มีต่อพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล ทำให้การที่นายทักษิณ จะไปช่วยหาเสียงให้นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จึงถูกมองว่า ทำให้สนามเลือกตั้งนายกฯอบจ.เชียงรายรอบนี้ จากที่เข้มข้นอยู่แล้ว ก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น และมีรายงานด้วยว่า การไปเชียงราย ของนายทักษิณ ในครั้งนี้ อาจจะมีแกนนำพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีบางคนร่วมคณะไปช่วยหาเสียงให้ด้วยเพราะเป็นวันหยุดราชการ


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง