ชาวบ้านคัดค้านประกาศเทศบาลนครเชียงราย เรื่องย้ายเขตการปกครอง

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านจากชุมชนบ้านดอย และชุมชนห้วยปลากั้ง ในพื้นที่หมู่3 ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย จำนวนประมาณ 500 คน มารวมตัวกันที่อาคารพบโชคคอมเพล็กซ์ ชุมชนห้วยปลากั้ง เพื่อเปิดเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กรณีที่เทศบสลนครเชียงราย มีคำสั่งย้ายทะเบียนบ้านของชาวบ้าน 2 ชุมชน คือชุมชนบ้านดอย (ทั้งหมด) และชุมชนห้วยปลากั้ง (บางส่วน) ให้ไปอยู่ในพื้นที่ปกครองของ ทต.แม่ยาว และชุมชนห้วยปลากั้ง (ส่วนที่เหลือ) ให้ไปอยู่ในเขตปกครองของ ทต.บ้านดู่ 

โดยชี้ถึง ผลกระทบที่ชาวบ้านจะได้รับจากคำสั่งดังกล่าว และตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการย้ายเร่งด่วน หวั่นว่ากระทบกับการเลือกตั้งเทศบาลที่จะมาถึง ซึ่งตัวแทนภาครัฐที่มาร่วมรับฟัง แต่ไม่มีตัวแทนจากเทศบาลนครเชียงราย ที่เป็นผู้ออกคำสั่งดังกล่าว มาร่วมรับฟังและตอบข้อสงสัยของชาวบ้าน สำหรับผู้ที่มาร่วมรับฟังครั้งนี้ ประกอบด้วย 

• นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รอง ผวจ.เชียงราย
• นายสุชาตชูชาติ สุขสงวน ผอ.สนอง.กกต.จ.เชียงราย 
• ว่าที่ ร.ต.สมชาติ เตชถาวรเจริญ สส.ภูเก็ต (ปชน.) และ รอง ปธ.กมธ.การกระจายอำนาจฯ 
• นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ สส.เชียงราย (ปชน.)
• เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจังหวัด และปลัด ทต.บ้านดู่ 

ซึ่งชาวบ้านที่มาร่วมแสดงความคิดเห็น ชี้ว่า คำสั่งดังกล่าวออกโดยไม่ชอบ เพราะชาวบ้านไม่มีส่วนรับรู้และแสดงความคิดเห็น และออกคำสั่งกระชั้นชิด เกรงจะกระทบสิทธิ์การเลือกตั้งเทศบาลที่จะมาถึง และบอกอีกว่าคำสั่งดังกล่าวเริ่มส่งผลกระทบกับชีวิตแล้ว เช่น การทำธุรกรรมกับทางภาครัฐมีปัญหา เพราะเอกสารทะเบียนราษฎร์มีปัญหา การต่อใบขับขี่ยากลำบาก และที่สำคัญคือสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล จากเดิมที่ใช้สิทธิ์รักษาที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ แต่เมื่อย้ายเขตปกครองตนเอง กลับต้องไปรักษาที่ รพ.สต.ในพื้นที่แทน สร้างความลำบากกับชาวบ้าน และเรียกร้องให้ภาครัฐช่วยระงับหรือชะลอคำสั่งดังกล่าวเอาไว้ก่อน

ด้านตัวแทนภาครัฐ ที่มาร่วมรับฟัง ชี้แจงว่า คำสั่งดังกล่าวยึดตาม พ.ร.ก.การเปลี่ยนแปลงเขตเทศบาลนครเชียงราย ฉ.3 ปี 2538 หากยึดตามคำสั่งดังกล่าว จะส่งผลให้ชาวบ้านชุมชนห้วยปลากั้ง ฝั่งตรงข้ามวัดห้วยปลากั้ง จะย้ายไปอยู่ในพื้นที่เขต ม.14 ต.บ้านดู่ ส่วนชุมชนห้วยปลากั้งฝั่งวัด และชุมชนบ้านดอยทั้งหมด จะย้ายไปอยู่ในเขตพื้นที่ ม.17 ต.แม่ยาว โดยทั้งหมดจะยังคงมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งและใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามเขตที่อยู่ใหม่ได้เลย ไม่เสียสิทธิ์ตามที่หลายคนกังวล 

แต่หากชาวบ้านไม่ต้องการโยกย้าย ก็มีทางออกอยู่ โดยชาวบ้านต้องทำการประชาคม และยื่นขอให้ทางเทศบาลขยายเขตการปกครองให้ครอบคลุมชุมชนที่มีปัญหา แต่การกระทำดังกล่าวต้องใช้เวลาดำเนินการพอสมควร ซึ่งชาวบ้านที่มาร่วมรับฟังไม่ค่อยพอใจ กับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ที่มาร่วมรับฟัง และมีการใช้อารมณ์ในบางช่วง แต่บรรยากาศการประชุมรับฟังปัญหา ยังคงเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ

ว่าที่ ร.ต.สมชาติ (กมธ.การกระจายอำนาจฯ) เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาในนามตัวแทนของ กมธ.การกระจายอำนาจ มาลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของทั้ง 2 ชุมชน หลังจากได้รับหนังสือร้องทุกข์ ตนจะรีบนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมของ กมธ.การกระจายอำนาจ ของสภาผู้แทนราษฎร โดยจะไปยื่นหนังสือต่อสำนักเลขาฯ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้เป็นการเร่งด่วน โดยจะเร่งให้มีการประชุมเพื่อหาทางออกให้ชาวบ้าน 

จะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงหหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแม้แต่เทศบาลนครเชียงราย ซึ่งไม่ได้มาร่วมประชุมในวันนี้ คาดว่า ไม่เกินวันที่ 10 เม.ย.68 เรื่องดังกล่าวจะถูกนำเข้าไปพิจารณาในการประชุมสภาฯ ในสมัยประชุมนี้ ยืนยันว่า หน่วยงานภาครัฐจะต้องรับฟังเสียงของประชาชนเป็นที่ตั้ง

นายอภินันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 66 ปี ชาวบ้านชุมชนห้วยปลากั้ง หมู่ 3 ต.ริมกก กล่าวว่า ชาวบ้านไม่ต้องการจะย้ายออกนอกเขตเทศบาลนครเชียงราย เพราะอยู่อย่างนี้มาหลาย 10 ปี แต่วันนี้ไม่มีตัวแทนจากเทศบาลนครเชียงรายมาร่วมรับฟัง แต่ก็มีอีกหลายภาคส่วนมาร่วมรับฟังปัญหา อาทิ รองผู้ว่าฯ สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ตัวแทน กมธ.กระจายอำนาจ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่มาร่วมรับฟังปัญหาของชาวบ้านในวันนี้ - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน