"ภูมิธรรม"เปิด 2 ทางเลือกปมซื้อเรือดำน้ำ เตรียมตัดสินใจเร็ว ๆ นี้

"ภูมิธรรม"เปิด 2 ทางเลือกปมซื้อเรือดำน้ำ เตรียมตัดสินใจเร็ว ๆ นี้

77220 พ.ค. 68 23:12   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

"ภูมิธรรม"เผยใกล้ตัดสินใจสรุปซื้อเรือดำน้ำเร็ว ๆ นี้ ชี้ 2 ทางเลือก ไม่ไปต่อ - ยกเลิก

(20พ.ค.68) ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความชัดเจนที่จะได้ข้อสรุปการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า คงตัดสินใจในเร็ว ๆ นี้คาดว่าและภายในสิ้นเดือนนี้ หรือต้นเดือน มิ.ย.นี้ และจากการพูดคุยและรับฟังข้อมูลทำให้ตัดสินใจได้แล้ว แต่จะพิจารณาอย่างรอบคอบ


ที่ผ่านมาได้หาข้อมูลและพยายามที่จะหาทางออกในเรื่องนี้ให้ได้ และจากการสอบถามประเทศเยอรมัน โดยการทำจดหมายไป 2 ฉบับ ฉบับแรก ผบ.ทร.ไทยได้สอบถาม ผบ.ทร.เยอรมัน ได้รับรายงานว่าเขาได้ตอบกลับมาว่าเป็นเรื่องของฝ่ายนโยบาย ที่จริงไม่ขัดข้องแต่ต้องเป็นเรื่องที่พิจารณาแบบนั้น และคิดว่าน่าจะทำได้ยากเพราะมีเรื่องขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้ามาเกี่ยวข้อง


ขณะที่ตนได้มีโอกาสพบกับรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมัน และได้ทำหนังสือถาม ว่าประเทศไทยไม่ได้มีปัญหากับนาโต และสอบถามว่าสามารถขายเครื่องยนต์ให้กับประเทศไทยได้หรือไม่ หากยอมเราสามารถหาคนติดตั้งได้ และได้รับคำตอบว่านาโตปฏิเสธกองทัพจีน โดยรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมัน ยืนยันว่าความสัมพันธ์กับประเทศไทยมีอย่างยาวนาน เขายินดีหากให้ได้ แต่ติดอยู่ 2 กรอบ คือ การเป็นสมาชิกนาโต และการเป็นสมาชิกสภายุโรป ทำให้ไม่สามารถส่งให้เราได้


นอกจากนั้นตนได้คุยกับทางทูตจีน ไปถึงกรมการเมืองของจีนที่มีอำนาจตัดสินใจ โดยเขาระบุว่าเป็นเรื่องของเอกชนจีน ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ และพยายามเจรจากับหลายส่วน และระบุว่าเป็นไปไม่ได้ที่จีนจะยอมเรื่องนี้ และพยายามจะหาทางออกเรื่องประเด็นชดเชยต่าง ๆ ทั้งนี้ถือว่าเขาไม่ได้ผิดเงื่อนไขอะไร และพยายามจะหาเครื่องยนต์ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันทดแทน 


นอกจากนี้ตนได้พบกับทูตปากีสถาน ทราบว่าเขามีเรือดำน้ำแบบที่เราสั่งประมาณ 8 ลำ จึงได้สอบถามว่าใช้งานหรือยังเพื่อจะตรวจสอบคุณภาพว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะเสียงสะท้อนว่าถ้าเอาเรือของจีนมาจะมีปัญหา ไม่ได้เครื่องยนต์อย่างที่ตกลงกัน และไฟฟ้าดับ โดยทราบว่าปากีสถานได้ทดลองนำเรือไปใช้งาน 1 ลำ พบว่าไม่มีปัญหาอะไร


นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้มี 2 ทางเลือก คือ ไม่ไปต่อ หรือยกเลิก แต่ประเด็นคือเงินที่เราจ่ายไป 7-8 พันล้านบาท ก็จะไม่เหลือ และอีกทางคือรับไว้ ภายใต้เงื่อนไขที่ไว้ใจได้ คือ เรื่องของความปลอดภัย โดยจะต้องจัดการเรื่องสัญญาให้ชัดเจน และตนจะต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้กับประชาชนรับทราบ และรายงานให้นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องรับรู้ หากไม่ไปต่อก็เสียเงินไป 8 พันล้านบาท แต่ถ้าไปต่อก็ไม่มีปัญหาอะไร โดยจะได้เครื่องยนต์ที่มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน สามารถใช้งานได้ 


ส่วนที่มีการสอบถามว่าก่อนหน้านี้ทางกฤษฎีการะบุว่า หากเปลี่ยนข้อสัญญาไม่มีปัญหาอะไร และหากจะตัดสินใจก็ต้องไปถามกฤษฎีกา ว่ามี 2 ทางเลือก ตามที่ตนกล่าวมา ผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีความเห็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลเก่าที่อยู่มาก่อน ไม่ใช่เรื่องที่เราทำขึ้นมา แต่เมื่อมีปัญหาก็ต้องตัดสินใจ และตนต้องเป็นคนตัดสินใจคนสุดท้ายก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี


“สิ่งที่ตนกังวลได้ทำทุกขั้นตอนแล้ว และมีคำตอบที่ชัดเจนแล้วตามที่อธิบายไปทั้งหมดข้างต้นคือคำตอบ และมีแนวโน้มแล้วว่าจะให้ไปทางไหน โดยต้องหาเหตุผลมาชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบ เรื่องนี้ผมไม่ได้เซ็นสัญญา แต่เป็นคนเข้ามาแก้ไข หากจะทำอย่างที่หลายคนเคยทำมา คือปล่อยไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็ไม่ใช่วิสัยของผู้บริหาร เมื่อเป็นปัญหาคาราคาซัง ผูกพันไปถึงการจัดงบประมาณของกองทัพ สมควรต้องตัดสินใจได้แล้ว และโครงการเรือดำน้ำจะได้ข้อสรุปในยุคของผมอย่างแน่นอน และต้องสามารถตรวจสอบได้


พร้อมย้ำว่าต้องคิดให้ดีเพราะเป็นเรื่องใหญ่กระทบหลายอย่าง และที่สำคัญประชาชนต้องเข้าใจ เพราะไม่อยากให้เกิดดราม่า จากทุกส่วน ที่ผ่านมาพยายามทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะดราม่าเยอะ เช่น มีดราม่าว่าจะให้กับกัมพูชา คนที่กำลังเจรจาไม่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าจะมีปัญหา ซึ่งเขาเคารพการตัดสินใจของเรา อย่าไปดราม่า ที่มีผลเสียหายกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และควรตั้งใจทำงานแก้ปัญหา ขอให้เอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน” นายภูมิธรรมกล่าว


เมื่อถามว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำแบบจีทูจี เป็นเรื่องระหว่างรัฐต่อรัฐ หากจะยกเลิกจะมีผลต่อความสัมพันธ์หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า สิ่งที่ต้องคิดคือเรื่องเงินที่จ่ายไปแล้ว มีการตั้งกองเรือดำน้ำ คัดเลือกบุคลากรไปศึกษาต่อเพื่อเรียนรู้ระบบ รวมถึงก่อสร้างอู่เรือดำน้ำ ถ้าตัดสินใจไม่เอาจะเสียสิ่งเหล่านี้ไปด้วย ตรงนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คิดมากถ้าเอาต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดหรือไม่ จะรักษาประโยชน์ประเทศมากที่สุด สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวตัดสินใจ ซึ่งทางจีนอยากได้คำตอบมานานแล้ว ทั้งจีนและบริษัทและกองทัพเรือ เสนอเงื่อนไขให้ต้องตัดสินใจ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และคุยกับทางการจีนเขาไม่ต้องการแทรกแซงประเทศไทย แต่ย้ำว่าขอให้รักษาเงื่อนไขให้เป็นไปตามข้อสัญญา


ข่าวเวิร์คพอยท์23


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat