เช็กที่นี่"โผตำรวจ"67 นายกฯ นั่งหัวโต๊ะร่วมเคาะตำแหน่งลงตัว

71720 พ.ย. 67 20:38 |

https://firebasestorage.googleapis.com/v0/b/workpoint-3e66e.appspot.com/o/users%2FUede4ed719a7d42b29b7e617281d5b401%2F54170b23-1b4a-41ef-9b30-f5289ca143f0.jpg?alt=media&token=54170b23-1b4a-41ef-9b30-f5289ca143f0.jpg

ข่าวเวิร์คพอยท์

เช็กที่นี่"โผตำรวจ"67 นายกฯ นั่งหัวโต๊ะร่วมเคาะตำแหน่งลงตัว ตร.ปัดตอบพลิกโผหรือไม่ ย้ำไม่มีเรื่องรุ่นหรือการเมืองมาเกี่ยวข้อง

(20พ.ย.67) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กว่า 4 ชม. ในการที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับนายพล ประจำปี 2567 เพื่อพิจารณาคุณสมบัติของตำรวจระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และจเรตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) โดยตำแหน่งสำคัญที่ว่างลง ได้แก่ รอง ผบ.ตร. 4 ตำแหน่ง, ผู้ช่วย ผบ.ตร. 7 ตำแหน่ง และ ผบช. 14 ตำแหน่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังใช้เวลาประชุมนานกว่า 4 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับ พร้อมปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับผลการพิจารณาวันนี้ พร้อมทำท่าทางว่าให้ทางตำรวจเป็นผู้ชี้แจง เมื่อถามย้ำว่าการประชุมในวันนี้ยากหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบเพียงสั้นๆว่า “เป็นประสบการณ์ใหม่”

ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เดินลงมาส่งนายกรัฐมนตรีขึ้นรถ ได้ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนเช่นกัน โดยผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงผลการประชุม แต่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ยกมือไหว้และทำท่าทางว่าขอไปเซ็นเอกสารก่อน ก่อนทำมือชูนิ้วโป้งให้สื่อ

ขณะที่ พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งทำหน้าที่ในการตอบคำถามสื่อ ย้ำว่าการพิจารณาวันนี้ เป็นการทำตามกรอบของกฎหมาย ยึดหลักความอาวุโสและประสบการณ์การทำงาน และที่ใช้เวลาประชุมนาน เพราะในที่ประชุมมีการซักถามเกี่ยวกับกระบวนการและวิธีการคัดเลือกบุคคลที่ถูกเสนอชื่อว่ามีความเหมาะสมอย่างไร โดยเป็นการซักถามอย่างรอบคอบ มั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น ไม่กังวลว่าจะถูกฟ้อง

ส่วนข้อสังเกตว่าในการพิจารณาครั้งนี้ ตำรวจรุ่น 41 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ ผบ.ตร. และ รุ่น 42 ได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ พล.ต.ท.อนุชา ย้ำว่า ที่ประชุมยึดหลักการพิจารณาตามกฎหมาย ไม่มีการพูดถึงเรื่องรุ่น และไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นการพิจารณาที่ตัวบุคคล

ส่วนผลการพิจารณาครั้งนี้ถึงขั้นพลิกโผหรือไม่ พล.ต.ท.อนุชา เลี่ยงตอบว่า ไม่ทราบเพราะไม่ได้ดูว่าโผที่หมายถึงมีใครบ้าง

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี กำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.ท.อนุชา ระบุว่า นายกฯ ไม่ได้กำชับอะไร เพียงแค่เน้นย้ำก่อนเริ่มการประชุมว่า การแต่งตั้งครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ จึงนำมาสู่การพิจารณาที่ใช้เวลานาน และเมื่อที่ประชุมได้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการอะไรเพิ่มเติม เพราะทุกอย่างแล้วได้ทำอย่างรอบคอบแล้วจึงสั่งปิดประชุม

สำหรับตำแหน่งที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ประกอบด้วย

พล.ต.ท.สยาม บุญสม นรต.รุ่น 46 จาก จเรตำรวจ คาดว่าเป็น ผบช.น.
พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จาก จตช.(สบ.8) นรต.รุ่น 48 ที่มีโผก่อนหน้านี้ โยกไป ผบช.ปส.
พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (นรต.41) โยกมา ผบช.ภ.1
พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.สกพ. (นรต.41)โยกมา ผบช.ภ.2
พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ศ. เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ภ.3
พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 (นรต.42) เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ภ.4
พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 (ที่เดิม)
พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 (ที่เดิม)
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 (ที่เดิม)
พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 (ที่เดิม)
พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 (ที่เดิม)