ภูมิธรรม - ทวี แถลงมติเลื่อนพิจารณาคดีฮั้ว"สว."เป็นคดีพิเศษ ลุ้นอีกครั้ง 6 มี.ค. นี้

(25ก.พ.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลง ผลการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาที่มีการพิจารณาจะรับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดิมมีผู้มาร้องเรียนกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ให้ดำเนินการสอบสวนซึ่ง DSI ได้ทำเรื่องประสานไปยัง กกต. เพื่อขอคำแนะนำว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร และ กกต. ได้ทำเรื่องส่งกลับมายัง DSI ให้ดำเนินการสอบสวนจะเป็นการลงนามโดยเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ใช่ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งจึงเป็นเพียงแค่การขอให้ดำเนินการ และทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะกลับไปพิจารณาส่งหนังสืออย่างเป็นทางการ  

"ส่วนผลจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าคดีนั้นมีมูลความผิด น่าจะต้องสืบสวนสอบสวนให้แน่ชัดเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ และหลังจากดำเนินการสอบสวนแล้วเสร็จจะส่งเรื่องให้กับ กกต. อีกครั้ง" นายภูมิธรรม กล่าว 

นายภูมิธรรม กล่าวต่อไปว่า ในที่ประชุมครั้งนี้มีความคิดเห็นหลากหลายมีการอภิปรายเป็นเวลา 2 - 3 ชั่วโมง โดยคณะกรรมการ กคพ. ส่วนใหญ่เห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับทางด้านคดีอาญา ด้านการฟอกเงิน อั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งถือได้ว่าเป็นความผิดที่เข้าข่ายข้อกฎหมายในอำนาจหน้าที่ของ DSI อย่างไรก็ตามยังมีข้อถกเถียงในเรื่องของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง เพราะเรื่องที่ส่งให้ DSI ดำเนินการสอบสวนนั้นทาง กกต.ยังไม่มีมติของคณะกรรมการ เป็นเรื่องที่ส่งมาจากเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งเท่านั้น 

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า จึงจำเป็นต้องดำเนินการในเรื่องนี้ให้ชัดเจนเพื่อให้สิ้นความสงสัย อีกทั้งผู้ที่แจ้งเรื่องมายัง DSI เป็นเพียงแค่เลขาธิการไม่ใช่คณะกรรมการเลือกตั้งโดยตรงซึ่งทางคณะกรรมการ กคพ.นั้น มีความกังวลใจว่าจะเป็นการดำเนินการที่ไม่รอบคอบ ที่ประชุมจึงขอให้ไปดำเนินการให้ครบกระบวนการเสียก่อน โดยทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษชี้แจงว่าเนื่องจากตนเองมีอำนาจในการพิจารณาจึงไม่ได้นำเรื่องนี้ผ่านทางด้านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการรับคดีพิเศษเพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ 

"โดยที่ประชุมคณะกรรมการ กคพ. มีมติให้ถอนคดีนี้ไปให้ทางคณะอนุกรรมการฯ DSI ไปดำเนินการให้ครบถ้วนเสียก่อนซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้สังคมรับรู้ว่าการสอบสวนคดีนี้ ยืนอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและกฎหมาย" นายภูมิธรรม ระบุ 

นายภูมิธรรม ยังกล่าวด้วยว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะเดินทางกลับมายังประเทศไทยในวันที่ 5 มีนาคมนี้ ซึ่งทางคณะกรรมการ กคพ. มีความประสงค์อยากจะหารือร่วมด้วย โดยจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 มีนาคม นี้ ซึ่งในการประชุมครั้งหน้าจะมีการเชิญประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งมาร่วมประชุมด้วย ซึ่งในวันนั้นจะมีมติชัดเจนว่ารับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษ 

นายภูมิธรรม กล่าวต่อไปอีกว่า โดยส่วนตัวมองว่าคดีอั้งยี่ซ่องโจรเป็นอำนาจที่ทาง DSI สามารถสอบสวนได้ ส่วนคดีการเลือกตั้งนั้นเป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะทำหรือไม่ทำนั้นอยู่ที่การพิจารณาของ กกต. ส่วนทางด้านคดีอาญาตนจะถามให้ชัดเจนว่า กกต. จะดำเนินการเองหรือให้ DSI เป็นคนดำเนินการ เพราะคดีมีความทับซ้อนกันและเกี่ยวพันกัน 

"หาก กกต.ยินยอมให้ทาง DSI เป็นผู้ทำคดี ทางเราก็มีความพร้อม แต่ถ้าหาก กกต. มีความประสงค์จะทำคดีเอง ทาง DSI ก็พร้อมส่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับทางด้านคดีอาญาให้ กกต.ไปดำเนินการ" นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนกรณีหนังสือลงนามโดยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ส่งให้ทาง DSI แต่ปรากฏต่อสื่อว่าเลขาธิการไม่ยอมรับในเรื่องนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ขอตอบให้ความเห็น 

"ในการสอบสวนไม่มีเรื่องการเมือง ซึ่งได้พูดชัดเจนแล้วว่าไม่ว่าสมาชิกของพรรคการเมืองใดที่ร่วมรัฐบาล ถ้ามีใครกระทำความผิดหรือมีแนวโน้มให้เกิดความสงสัย ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่ใช่เป็นเหตุผลสำคัญในการปกปิด ใครทำอะไรให้รับผิดชอบไปตามนั้น" นายภูมิธรรม ระบุ

ส่วนท่าทีของ สว.ที่มีการแถลงว่าจะทำการฟ้องร้อง นายภูมิธรรม บอกว่า การสอบสวนนั้นไม่ได้ทำตามอารมณ์ส่วนตัว ขณะนี้ยังไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด ซึ่งอำนาจการตัดสินนั้นอยู่ที่ศาล DSI มีหน้าที่ในการดำเนินการสอบสวนให้ความจริงนั้นปรากฏ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ที่ต้องทำ 

"หากไม่ทำจะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยการสืบสวนจะเริ่มต้นดำเนินการจากข้อเท็จจริงและพิสูจน์ให้ได้ทราบตามข้อกฎหมายที่มี" นายภูมิธรรม กล่าว 

นายภูมิธรรม ย้ำด้วยว่า อำนาจการดำเนินคดีของ DSI สามารถดำเนินการสืบสวนคดีอาญาคู่ขนานไปกลับคดีการเลือกตั้งได้ หากเรื่องนี้มีความจริงปรากฏสายตาต่อสาธารณชน 

นายภูมิธรรม ระบุว่า ขอให้รอในวันที่ 6 มีนาคม นี้ จะมีความชัดเจนว่า กกต.และ DSI จะใช้อำนาจตามมาตรา 49 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 

"การเลื่อนประชุมไปเป็นวันที่ 6 ไม่ได้ต้องการยืดเยื้อแต่เป็นการทำให้ครบกระบวนการที่ถูกต้อง" นายภูมิธรรม กล่าวยืนยัน ฃ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ กกต.เหลือเวลาในการสอบสวนอีกเพียง 4 เดือนจะทำทันหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า เวลาทำคดีไม่มีการรอ แต่เมื่อมีความชัดเจนก็ต้องทำหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะถูกละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ข่าวเวิร์คพอยท์23