“อดีตเป็นเรื่องของอดีต” เพื่อไทยจับมือประชาธิปัตย์

“อดีตเป็นเรื่องของอดีต” เพื่อไทยจับมือประชาธิปัตย์

54228 ส.ค. 67 13:25   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

“เพื่อไทย” ส่งเทียบเชิญ “ประชาธิปัตย์” เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป วันนี้ขอให้ร่วมมือทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน

(28 ส.ค. 67) นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการพรรค พร้อมด้วยนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขาธิการพรรค ให้สัมภาษณ์พร้อมยื่นหนังสือเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ว่า มีการพูดคุยกันตั้งแต่เมื่อคืนนี้และมีมติพรรคเพื่อไทยออกมาได้ประสานไปยังหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และได้เรียนเชิญเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ให้มีการยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารประเทศและเป็นรัฐบาลร่วมกันจึงได้มีโอกาส กับเลขาธิการเพื่อเทียบเชิญเป็นพรรคร่วมรัฐบาล


ส่วนโควตารัฐมนตรีให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตัดสินใจและเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีเสนอชื่อเพื่อเป็นรัฐมนตรี มั่นใจว่าในสภาผู้แทนราษฎรมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ขอให้อดีตก็เป็นเรื่องของอดีต 


เมื่อวานนี้มีการพูดคุยกันให้ความสัมพันธ์ของเลขาธิการเป็นที่ตั้งว่าเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปแล้วประเทศต้องเดินหน้าต่อและทั้งสองพรรคก็เป็นพรรคการเมืองที่ร่วมต่อสู้กันมาณตอนนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาดูแลพรรคอุดมการทางการเมืองก็สุดอุดมการส่วนแนวทางการทำงานก็ไปด้วยกันได้ 


อันนี้จริงแล้วอย่างที่เคยพูดถึงกันตลอดอุดมการณ์ทางการเมืองอาจไม่เคยเหมือนกันเลยแต่ ณ วันนี้ถ้าคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค ทั้งหัวหน้าพรรคสองฝ่าย เลขาธิการพรรค หรือสมาชิกพรรคทุกคนมุ่งหน้าในทางเดียวกันคือพี่น้องประชาชนต้องได้รับการแก้ไขในชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น สิ่งที่เห็นตรงกันก็คือประเทศชาติถูกถอยหลังไปหลายปีเลยทีเดียวถึงเวลาแล้วที่ต้องเดินหน้าร่วมกันอะไรที่เป็นความไม่เข้าใจกันหรือความขัดแย้งกันขอให้ทิ้งไว้ข้างหลังดีกว่า



อย่างไรก็ตาม ได้มีการพูดคุยกันกับกลุ่มพี่น้องคนเสื้อแดงหน้าปัจจุบันนี้ก็ยังมีการพูดคุยกันอยู่เมื่อเป็นความคิดเห็นที่ตรงกันและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนทุกคนเข้าใจได้  


ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำ ที่ไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์และเทียบเชิญเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและร่วมมือกันบริหารประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ต้องนำเทียบเชิญ เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและสส.ในวันพรุ่งนี้(29 ส.ค.) 


นายเดชอิศม์ กล่าวต่อว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น มีแต่ความรักความเข้าใจและการให้อภัยกับพรรคเพื่อไทย ส่วนการพูดคุยกับโหวตเตอร์ของพรรคประชาธิปัตย์ นั้น ต้องเข้าใจว่าเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีที่แล้วกับวันนี้ สถานการณ์ทางการเมืองไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศก็ไม่เหมือนกัน รวมถึงแนวคิดในการพัฒนาประเทศก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองพรรคเข้ากันได้และเดินหน้าไปด้วยกันถือเป็นสิ่งที่ดีงาม


ขณะที่นายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน แกนนำของพรรคอีกกลุ่มหนึ่งก็ออกมาขัดค้าน ซึ่งภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมีฝ่ายที่ร่วมรัฐบาลและไม่ร่วม แต่เมื่อผ่านประชามติของพรรคทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม และหากไม่ปฏิบัติตาม คงเป็นเช่นนั้นไม่ได้เพราะทุกคนต้องยึดถือตามมติของพรรค


นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคสำรองในการเข้าร่วมรัฐบาล เพราะในการลงมติให้นาย เศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี มีสมาชิก 16 คนโหวตเห็นชอบ ซึ่งใช้เวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ร่วมรัฐบาล และเหตุการณ์ในขณะนั้นกับวันนี้ก็ไม่เหมือนกัน พรรคต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์บ้านเมือง และย้ำว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการผลักพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วม เหตุผลที่พบังประชารัฐออกไม่เกี่ยวข้องกับประชาธิปัตย์


ส่วนโควตารัฐมนตรีขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะให้พรรคประชาธิปัตย์นั่งกระทรวงไหน เพราะวันนี้ไม่อยากก้าวล่วงไปถึงอำนาจนายกรัฐมนตรี ไม่กังวลการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี แต่ยังไม่มั่นใจว่าใครจะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีของโควตาพรรคประชาธิปัตย์


นายเดชอิศม์ กล่าวต่อว่า สส.เขตส่วนใหญ่ เมื่อลงพื้นที่สอบถาม ประชาชนก็ให้ความสนใจ อยากให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาล


เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐออกมาระบุว่าพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ และไม่หารือกับพรรคพลังประชารัฐก่อนการร่วมโหวตนายกฯ นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า ”เอาที่สบายใจเลยครับ“ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดูที่ผลงาน การทำงานต่อจากนี้ไปอีก 3 ปี ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ขอโอกาสให้นายกฯ และ ครม.ได้ทำงาน หากมีอะไรที่ทำผิดหรือไม่ดีก็ขอให้ร้อง แต่ผลงานจะพิสูจน์ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร


เมื่อถามถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปยื่นร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ปมถือหุ้นในบริษัทเอกชน และการลาออกจากกรรมการบริษัทต่าง ๆ เข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่าเรามีฝ่ายกฎหมายดูอยู่ มองว่าไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นประเด็น ทั้งนี้เป็นสิทธิของนายเรืองไกร  


เมื่อถามว่าจะมีการเทียบเชิญคนในกลุ่มร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่าหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่ามีการคุยกัน แต่เราให้เกียรติทุกพรรคการเมือง หากมีโอกาสเทียบเชิญพรรคอื่นหรือบุคคลอื่นก็จะทำ ส่วนจะเทียบเชิญพรรคไทยสร้างไทย



สำหรับเนื้อหาในหนังสือเชิญเข้าร่วมรัฐบาลนั้น ระบุข้อความว่า


“ตามที่ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ แพทองธาร ชินวัตร

เป็นนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีได้เชิญพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดยได้แถลงผ่านสื่อมวลชนเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้ว นั้น


พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์มีบุคคลที่มี

ความรู้ ความสามารถ และมีอุดมการณ์ที่จะทำงานร่วมกันได้ จึงขอเรียนเชิญพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อร่วมกันบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ และความผาสุก ของประชาชนต่อไป


ทั้งนี้ ขอให้ท่านดำเนินการตามขั้นตอนภายในของพรรคและโปรดส่งรายชื่อบุคคลที่ท่านเห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีส่งมายังพรรคเพื่อไทย ผ่านทางเลขาธิการารพรรคโดยด่วนต่อไป”


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง