เริ่มแล้ว Easy e-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษี 2568

เริ่มแล้ว Easy e-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษี 2568

53513 ม.ค. 68 19:39   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

โครงการดีๆ มาอีกแล้ว กับ Easy e-Receipt 2.0 ช้อปช่วยชาติ กระตุ้นการจับจ่ายสินค้าในประเทศ พร้อมให้สิทธิลดหย่อนภาษี ปีนี้สามารถใช้กับสินค้าประเภทใดได้บ้าง เช็กดูเลยที่นี่!

(เรียบเรียงโดย กัญญาณัฐ อาศัย)

ช่วงต้นปีแบบนี้หลายคนกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นภาษีเงินได้ประจำปีกันอยู่ ซึ่งปีนี้สามารถยื่นแบบแสดงรายได้และเสียภาษีได้ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2568 สำหรับการยื่นแบบกระดาษ และ 8 เม.ย. 2568 สำหรับการยื่นแบบออนไลน์ ผ่านช่องทาง https://efiling.rd.go.th/rd-cms/ และแอปพลิเคชั่น RD Smart Tax


นอกจากการรายงานรายได้ให้ตรงแล้ว สำหรับผู้เสียภาษีก็มีสิทธิที่จะได้รับการลดหย่อนค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างปีภาษีอีกด้วย 1 ในโครงการดีๆ ที่มีเสียงตอบรับกันมากจากผู้เสียภาษี คงหนีไม่พ้น Easy e-Receipt ที่ได้ทั้งลดหย่อนภาษี และได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายในประเทศ คราวนี้มาแบบ 2.0 ให้วงเงินลดหย่อนสูงสุดถึง 50,000 บาท


น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “มาตรการภาษี Easy E-Receipt 2.0" เป็นการต่อยอดจากมาตรการเดิมที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายของประชาชน รวมถึงส่งเสริมการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ”


“มาตรการนี้นอกจากจะช่วยลดภาระภาษีให้กับประชาชนแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในภาพรวม คาดว่าจะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt จำนวน 12,395 ราย โดยมีร้านค้ารวมทั้งสิ้น 108,873 ร้านค้า แบ่งเป็น e-Tax Invoice & e-Receipt จำนวน 101,297 ร้านค้า และ e-Tax Invoice by Time Stamp จำนวน 7,576 ร้านค้า สำหรับร้านค้าที่ต้องการใช้ระบบ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt สามารถติดต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ร้านค้าตั้งอยู่ หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.rd.go.th หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161” น.ส.ศศิกานต์ ระบุ


ระยะเวลาโครงการ: สำหรับการจับจ่ายสินค้าที่เข้าเกณฑ์ ระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568 - 28 กุมภาพันธ์ 2568


สินค้าที่เข้าร่วมโครงการ Easy e-Receipt 2.0 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ


1. สินค้าทั่วไป วงเงินลดหย่อน 30,000 บาท โดยต้องเข้าเกณฑ์ต่อไปนี้

  • เป็นสินค้าและบริการจากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • สินค้าประเภทหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ทั้งแบบรูปเล่มและแบบอีบุ๊ก ที่ซื้อจากร้านค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม


2. สินค้าและบริการจากโครงการ OTOP, วิสาหกิจชุมชน, วิสาหกิจเพื่อสังคม วงเงินลดหย่อน 20,000 บาท โดยต้องเข้าเกณฑ์ต่อไปนี้

  • เป็นสินค้า OTOP ซึ่งลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว หรือ
  • เป็นสินค้าและบริการจากวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร หรือ
  • สินค้าและบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม


ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง ทั้งนี้เมื่อรวมมูลค่าซื้อสินค้าและบริการตามข้อ 1 และข้อ 2 ลดหย่อนรวมกันไม่เกิน 50,000 บาท


สินค้าที่ไม่เข้าร่วมโครงการ Easy e-Receipt 2.0 ได้แก่

  • ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
  • ค่าซื้อยาสูบ
  • ค่าซื้อน้ำมัน ค่าซื้อก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะ
  • ค่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และค่าซื้อเรือ
  • ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต
  • ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาระหว่างวันที่ 16 ม.ค. 2568 - 28 ก.พ. 2568 เช่น ค่าสมาชิกต่าง ๆ
  • ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
  • ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว
  • ค่าที่พักในโรงแรม
  • ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย
  • ค่าที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม


วิธีใช้สิทธิ์ลดหย่อน Easy e-Receipt 2.0

ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการต้องแจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ผู้ประกอบการใช้ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt

  1. ชื่อ-นามสกุล
  2. ที่อยู่
  3. เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวบัตรประชาชน)


เมื่อแจ้งข้อมูลครบแล้ว ข้อมูลการซื้อสินค้าและการรับบริการจะปรากฏใน My Tax Account ของผู้เสียภาษี และสามารถใช้ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2568



ที่มา: กรมสรรพากร

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง