เหยื่อแก๊งคอลฯวิ่งข้ามด่านขอ ตม.ไทยช่วย

18 มิ.ย.68 ที่ด่านพรมแดนคลองลึก อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ช่วงเวลา16.00 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปิดด่านไม่ให้ชาวไทยและชาวกัมพูชาเดินทางข้ามไปมาระหว่างทั้งสองประเทศ ปรากฏว่าในช่วงเวลานั้นได้มีเสียงกรีดร้องดังมาจากฝั่ง ตม.ขาเข้าของไทย ปรากฏว่ามีสาวประเภทสองคนหนึ่งเขวี้ยงวิกผมลงบนพื้นแล้วร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน บอกกับสื่อว่า

ตนเองต้องลงทุนใช้ใบมีดโกนผมของตัวเอง แล้วบอกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งปอยเปตว่า ป่วยเป็นมะเร็ง ต้องรีบเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อไปรักษา ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์พาตัวเองและแฟนหนุ่มมาทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าด่าน สาวสองและแฟนหนุ่มจึงวิ่งผ่าจากด่านกัมพูชามาที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองในไทยและนั่งรออยู่บริเวณฝั่งขาเข้าประเทศไทย 

เมื่อทีมข่าวเข้าไปสอบถาม พบว่า เป็นชาวไทยทั้งหมดสามคน โดยมีสาวสองและแฟนหนุ่มของสาวสอง เดินทางมาจากจังหวัดเชียงราย และนายเอ นามสมมุติ เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร โดยทั้งสามคนถูกหลอกมาลักษณะเดียวกัน ว่าจะให้เดินทางมาทำงานที่ จังหวัดสระแก้ว แต่เมื่อเดินทางมาถึง ก็ถูกบังคับให้ นั่งเรือข้ามไป ยังฝั่งประเทศ กัมพูชา พื้นที่ปอยเปต โดยใช้ช่องทางธรรมชาติ เมื่อไปถึงก็ถูกขังไว้ในห้องที่เรียกว่า ห้องเหลือง อยู่ในอาคารสีดำๆ ไม่ไกลจากด่านพรมแดน ในอาคารพบคนไทยนับร้อย ซึ่งส่วนใหญ่ถูกหลอกมาเช่นกันและไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ เพราะนายหน้าที่พามาบอกว่า ถ้าจะเดินทางกลับมาให้ต้องจ่ายเงินคืน 150,000 บาท

หนำซ้ำยังมีการนำยาเสพติดมาให้เสพอีกด้วยคล้ายเป็นการมอมเมา ให้ทำตามที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์บอกให้ทำเช่น การสแกนใบหน้าเพื่อสามารถเปิดแอปธนาคารและโอนเงินสดที่หลอกจากคนไทยไปได้ 

ด้านสาวสอง เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเดินทางมาจากเชียงราย พร้อมกับแฟนหนุ่ม โดยได้รับการชักชวน บอกว่าจะให้มาทำงานเป็นแอดมิน ที่จังหวัดสระแก้ว ไม่เดินทางข้ามไปที่กัมพูชา โดยเดินทางมาถึงเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา จากนั้นก็ถูกบังคับบังคับให้นั่งเรือข้ามไปฝั่งกัมพูชา พอรู้ตัวว่าถูกหลอกมาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ไม่ยินยอม จึงใช้ใบมีดโกน โกนผมให้โล้น แล้วบอกกับหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ตนป่วยเป็นโรคร้าย ต้องรีบกลับไปรักษาที่ประเทศไทย หลังจากนั้นจึงถูกกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นำมาปล่อยทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าด่านให้พวกตนหาทางหลบหนีออกจากกัมพูชา มาอย่างประเทศไทยเอง

พวกตนจึงตัดสินใจวิ่งหนี ผ่านด่านกัมพูชามายังไทยและเมื่อไม่มีเอกสาร ในการเดินทางเข้าประเทศมีเพียงบัตรประชาชนก็ทำให้มีปัญหาไม่สามารถผ่าน เข้าประเทศไทยได้ จึงมีความเครียดกลัวว่าจะถูกตีกลับไปกัมพูชา จึงร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน

ด้าน พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว, ได้เดินทางลงพื้นที่มา ตรวจความเรียบร้อย ในการปิดด่านพรมแดนคลองลึก อรัญประเทศปล่อยเปตและได้พูดคุยกับ 3 คน ที่อ้างว่าเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยผู้กำกับ ตม. ยังให้กำลังใจทั้ง 3 คน บอกว่าถึงอย่างไรก็ดีแล้ว ที่สามารถเดินทางกลับมาประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อกลับมาแล้ว จะต้องมีการสอบสวน ว่าการเดินทาง ไปนั้น เป็นการเดินทางไปช่องทางธรรมชาติ ว่าเป็นการเต็มใจไปหรือไม่ ซึ่งหากเต็มใจไป และมีเหยื่อที่เสียหาย จากทั้งสามคนนี้ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายรายไป ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย

แต่ก็ต้องยอมรับว่าในสถานการณ์แบบนี้ การเดินทางมารับความผิดในประเทศไทย ย่อมดีกว่าอยู่ในฝั่งปอยเปตแล้วถูกทำร้ายร่างกายหรือถูกบังคับให้เสพยาเสพติด

หลังจากนั้นก็ได้นำตัวทั้งสามคน ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ที่สถานีตำรวจตามขั้นตอนต่อไป โดยทั้ง 3 คน ก็ยินยอมที่จะเดินทางไปถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคุมตัวมากกว่าที่จะให้เดินทางกลับไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์