เปิดข้อมูล ‘ไท่ฉาง 1-2’ ฐานสแกมเมอร์ใหม่สุดเหี้ยมโหด

(18 ก.พ. 68) คุณพรทิพย์ โม่งใหญ่ พร้อมด้วยทีมงานข่าวเวิร์คพอยท์23 ลงพื้นที่ จ.ตาก ตรวจสอบสถานการณ์บริเวณตะเข็บชายแดนฝั่งเมียนมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แก๊งมิจฉาชีพ ทั้งคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ ใช้เป็นฐานในการหลอกลวงผู้คน ว่าหลังทางการไทยมีคำสั่งตัดกระแสไฟฟ้าที่ส่งขายพื้นที่ฝั่งตรงข้ามแล้ว เป็นเช่นไรบ้าง

จากข้อมูลใหม่ที่ทีมข่าวได้รับมา ทราบว่ามีการสร้างอาณาจักรแหล่งสแกมเมอร์แห่งใหม่ ‘ไท่ฉาง 1’ อยู่ห่างจากชเวก๊กโกลงมาทางใต้ ราว 50 กม. จุดนี้ได้รับขนานนามว่าเป็นแหล่งสแกมเมอร์ที่มีการทารุณกรรมโหดร้ายที่สุด 

ทีมข่าวเวิร์คพอยต์23 ลงพื้นที่ บ้านช่องแคบ ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งเป็นจุดเดียวที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน และ ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำคณะกรรมาธิการลงพื้นที่ท่าข้าม 28 ที่เป็นท่าข้ามเอกชน ได้รับอนุญาตตามกฎหมายในการขนถ่ายสินค้า

จุดฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ดูแลโดย กองกำลังทหารกะเหรี่ยงประชาธิปไตย (D.K.B.A.) ของพลจัตวา ซาย จอ หล่า ในพื้นที่มีการก่อสร้างอาคารจำนวนมาก โดยมีอาคารสีส้มที่คาดว่าเป็นที่ตั้งของสแกมเมอร์ ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นจุดที่ทารุณกรรมเหยื่อรุนแรงที่สุด และบริเวณริมแม่น้ำเมย มีค่ายของทหารกระเหรี่ยง D.K.B.A ตั้งอยู่ริมชายแดน

จากจุดสังเกตอาคารหลังสีส้ม พบว่ามีจานดาวเทียมสตาร์ลิงก์ ซึ่งใช้รับสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมติดตั้งอยู่ และมีรั้วรอบขอบชิดปิดบังพื้นที่ ขณะที่พื้นที่อาคารต่างๆ มีกลุ่มแรงงานก่อสร้างสามารถเดินไปมาภายใต้การเฝ้าของทหารกระเหรี่ยง ตรงจุดนี้ความกว้างของแม่น้ำเมยที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนมาไม่กว้างมากนัก บางจุดน้ำแห้งเห็นโขดหินชัดเจน

ในระหว่างการลงพื้นที่นายรังสิมันต์ ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.ช่องแคบ ทำให้ทราบข้อมูลว่าพื้นที่ฝั่งเมียนมาตรงบริเวณนี้เคยเป็นที่ป่ารกร้างมาก่อน แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 จนกระทั่ง 2-3 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีการก่อสร้างคารต่างๆ ขึ้น

นอกจากนี้นายรังสิมันต์ โรม ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหาร และหน้าที่ศุลกากร เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ปัจจุบันไม่มีเสาสัญญาณอินเตอร์เน็ตใดหันไปทางฝั่งตรงข้ามที่เป็นพื้นที่ของสแกมเมอร์แล้ว เพราะกลุ่มสแกมเมอร์ได้เปลี่ยนไปใช้จานดาวเทียมโคจรต่ำ หรือ สตาร์ลิงก์แทนแล้ว 

ขณะเดียวกันที่ท่าข้ามจุดนี้ นายหลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีของจีน ก็มาลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยเหมือนกัน โดยทางทีมข่าวเวิร์คพอยท์23 ได้พยายามเข้าถามคำถามเกี่ยวกับการจัดการกลุ่มทุนจีนที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย แต่นายหลิวจงอี้โบกมือ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว

สำหรับพื้นที่ไท่ฉาง 1 นี้ ทีมข่าวของเราได้รับข้อมูลมาว่า เป็นการขยายธุรกิจทุนจีนสีเทาที่ย้ายจากมาจากพื้นที่รัฐฉานตอนเหนือ, กลุ่มทุนจีนสีเทาจากสีหนุวิลล์, และบางส่วนมาจากการปราบปรามที่เล่าก์ก่าย โดยคาดว่ามีบริษัทสแกมเมอร์ตั้งอยู่ที่ไท่ฉาง 1 ประมาณ 30-40 แห่ง

จากการสังเกตพบว่ามีอาคารสีสัมสูงประมาณ 4-5 ชั้น ที่มีจานดาวเทียมสตาร์ลิงก์ติดตั้งอยู่หลายจาน อาคารเหลานี้เป็นอาคารที่ทำการของสแกมเมอร์หลังแรกๆ ที่มีการก่อสร้างขึ้นบนพื้นที่นี้ แหล่งข่าวรายหนึ่งในพื้นที่เล่าให้ทีมข่าวของเราฟังว่าเมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา มีชายชาวจีน 2 คน มาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่ สภาพเนื้อตัวฟกชั้ำ โดยชายทั้ง 2 หนีมาคนละช่วงเวลากัน

ชาวจีนที่หนีมารายหนึ่งเล่าให้ชาวบ้านฟังว่า ตนกับเพื่อนและน้องสาวรวม 4 คน ถูกหลอกว่าให้มาทำงานเกมออนไลน์ ได้เงินเดือน 30,000-40,000 บาท แต่สุดท้ายให้มาทำคอลเซ็นเตอร์ โดนกักขังอยู่หลายเดือน ถูกทำร้ายร่างกาย และมีน้องสาวอยู่ในอาคารนั้น ขณะนี้ไม่รู้ชะตากรรม

นอกจากนี้ที่จุดดังกล่าวยังเคยมีข่าวว่า หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 หรือหน่วยทหารเฉพาะกิจราชมนู เคยพบชาวต่างชาติ 39 คน ที่ระบุว่าถูกหลอกให้มาทำงานเช่นกัน 

จุดนี้อยู่ห่างจากท่าข้าม 28 ราว 2 กิโลเมตร นอกจากหมู่อาคารที่ทำงานของแก๊งสแกมเมอร์แล้ว เรายังสังเกตพบโรงเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ ที่กำลังทำงาน มีเสียงดัง และไอความร้อนที่ขึ้นมา ส่วนรอบๆ อาคารมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเกือบทุกจุด 

ในขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่เก็บมูลบริเวณไท่ฉาง1 พบข้อมูลสำคัญว่า ในพื้นที่บริเวณบ้านช่องแคบ มีช่องทางธรรมชาติที่มักใช้เป็นเส้นทางขนสิ่งของข้ามไปมาระหว่างไทยและฝั่งเมียนมาโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณพรทิพย์ โม่งใหญ่ ได้ลงพื้นที่สำรวจจุดที่ชาวบ้านเรียกว่า “พัทยาห้วยแร้ง” จุดนี้พื้นที่ตลิ่งและแม่น้ำเมยที่แคบ จุดนี้อยู่หลังบ้านหลังหนึ่งที่ทีมข่าวได้รับข้อมูลว่าเป็นของนายพลกระเหรี่ยง

ช่วงเวลาที่ทีมข่าวลงพื้นที่เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำจุดได้ออกเวร จากนั้นเวลาผ่านไปเพียงไม่ถึง 30 นาที หรือเวลาประมาณ 19.00 น. มีเรือ 2ลำ ออกจากฝั่งไทยจอดเทียบตลิ่งฝั่งตรงข้าม มีแรงงานจำนวนมากขนถังแก๊สขนาด 43 ลิตร จำนวนกว่าร้อยถังลงเรือ ซึ่งคาดว่าเป็นถังเปล่า และน่าจะลักลอบนำขึ้นจากเรือไปเติมแก๊สที่ฝั่งไทย ทีมข่าวเวิร์คพอยท์สามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบข้อมูลกับกรรมาธิการฯ มั่นคง ระบุว่า แก๊สเป็นหนึ่งสินค้าที่รัฐบาลสั่งห้ามนำข้ามไปให้แก็งคอลเซ็นเตอร์ อีกทั้งมีการลักลอบขนในท่าที่ไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าผิดกฎหมาย

ห่างจากจุดไท่ฉาง 1 ประมาณ 15 กม.ตามแนวชายแดนริมแม่น้ำเมย เป็นที่ตั้งของไท่ฉาง 2 เจ้าหน้าที่ทหารเฉพาะกิจราชมนู นำทีมข่าวเวิร์คพอยท์23 ขับรถลัดเลาะขึ้นเขาไปตามไร่ข้าวโพด ในพื้นที่บ้านห้วยน้ำนัด พบอาณาจักรแหล่งแสกมเมอร์ ไท่ฉาง 2 ซึ่งจุดนี้มีการก่อสร้างอาคารจำนวนมาก มีเสียงเครื่องปั่นไฟดังตลอดเวลา และมีคนงานก่อสร้างทำงาน รถวิ่งเข้าออกเกือบตลอด ซึ่งจุดนี้ตัดถนนทางเข้าออกทางเดียวเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลกับเราว่า จุดไท่ฉาง 2 นี้เริ่มก่อสร้างช่วงกลางปี 2567 มีอาคารสแกมเมอร์อยู่ด้านหลังภูเขา มีลักษณะทางกายภาพเป็นหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ มีแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ และแคมป์คนงานก่อสร้าง

สำหรับอาณาจักรสแกมเมอร์ไท่ฉาง นั้นเป็นที่กล่าวขวัญกันมากเรื่องของความโหดเหี้ยมทารุณ ที่แก๊งมิจฉาชีพจะกระทำกับเหยื่อที่ถูกล่อลวงมาทำงานที่นี่ มีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอและภาพนิ่งจำนวนมากที่ถูกส่งออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอก

พบว่าเหยื่อทั้งหญิงและชายจะถูกบังคับให้วิ่งกลางแจ้ง สั่งตากแดดร้อนๆ เป็นวันๆ เหยื่อหลายรายถูกทำร้ายร่างกายเป็นแผลฟกช้ำจำนวนมาก บางรายมีแผลขนาดใหญ่จากการถูกทุบตี ข้อมูลของเหยื่อในไท่ฉาง เล่าว่า กลุ่มคนที่ทำร้ายเป็นคนจีน จะทำร้ายร่างกายเพื่อบังคับให้เหยื่อทำยอดให้ได้ตามเป้า ซึ่งเหยื่อทุกรายที่เข้าไปจะถูกบังคับให้เซ็นสัญญา 1ปี หนีก็หนีไม่ได้ ทำงานโดยไม่ได้เงิน หากทำยอดไม่ได้ตามเป้า จะถูกทรมาน ทั้งการจับใส่กุญแจมือแขวนไว้กับขื่อคานของห้อง การใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า การทุบตีทำร้ายร่างกาย หรือขังไว้ให้ให้กินข้าวและไม่ให้ขับถ่าย เหยื่อบางรายถูกขังในห้อง ทิ้งโทรศัพท์ให้โทรหาญาติพี่น้องเพื่อเรียกค่าไถ่ แต่หากไม่มีญาติหรือไม่มีเงิน จะกดดันให้เหยื่อฆ่าตัวตาย หากตายแล้ว ทางกลุ่มทุนจะเอาอวัยวะไปขาย

หนึ่งในเหยื่อที่เราได้รับข้อมูลมาเป็นชาวอินเดีย ถูกหลอกว่าจะส่งไปทำงานที่ประเทศบรูไน แต่สุดท้ายกลับถูกพาตัวมาบังคับทำงานที่ไท่ฉาง ทุกวันจะถูกบังคับให้หลอกลวงคน ทำงานวันละ 16-18 ชั่วโมง ถูกทำร้ายร่างกาย มีบาดแผลถูกเฆี่ยนที่แขนและขาหลายแห่งมีเลือดออก เช่นเดียวกับเหยื่อจากประเทศอิโตเปีย รายนี้ถูกใส่กุญแจมือแขวนที่ประตู จนมีรอยแผลลึกไปที่ข้อมือ ตามร่างกายมีรอยเฆี่ยนตี(ภาพเหยื่อได้รับการอนุญาตจากองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือ)

แม้ว่าจะมีเหยื่อหลายคนที่ได้รับการช่วยเหลือพาตัวกลับสู่ประเทศบ้านเกิดแล้ว แต่ก็คาดว่าที่อาณาจักรสแกมเมอร์ไท่ฉางแห่งนี้มีเหยื่อที่ถูกบังคับกักขังไว้อีกหลายพันคน ที่ยังคงรอความหวังที่จะได้รับการช่วยเหลือออกไป

(โต๊ะรายงานพิเศษ ข่าวเวิร์คพอยท์23)