เปิด 5 อันดับข่าวต่างประเทศแห่งปี 2567

เปิดศักราช 2567 ด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศไทยญี่ปุ่น 

วันที่ 1 ม.ค. 2567 วันแรกของปี เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.6 แมกนิจูด ที่บริเวณนอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น โดยมีศูนย์กลางอยู่ทางตอนเหนือของ จ.อิชิกาวะ ในภูมิภาคโนโตะ ซึ่งห่างจากเมืองโตเกียวประมาณ  560 กม. และห่างจากเมืองโอซากา 286 กม. ทั้งนี้มีการประกาศเตือนภัย “สึนามิ” พร้อมอพยพประชาชน รวมไปถึงเกิดอาฟเตอร์ช็อกมากกว่า 1,200 ครั้ง ส่วนความเสียหายนั้นมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 203 ราย , ผู้ที่สูญหายอย่างน้อย 323 ราย นอกจากนี้บ้านเรือนประชาชน ถนน โรงเรียน สถานที่ราชการ ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง  

วันที่ 2 ม.ค. 2567 ให้หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ได้เพียง 1 วันเท่านั้น ชาวญี่ปุ่นต้องเผชิญกับข่าวใหญ่อีกครั้งเมื่อเกิดเหตุเครื่องบินสายการบิน Japan Airlines Airbus A350 ชนเครื่องบินของหน่วยคุ้มกันชายฝั่ง ที่ ลานจอดเครื่องบิน สนามบินฮาเนดะ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ ซึ่งอยู่บนเครื่องบินของหน่วยคุ้มกันชายฝั่ง และรอดเพียง 1 ราย โดยได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนฝั่ง Japan Airlines ผู้โดยสารและลูกเรือ ทั้ง 379 คน สามารถหลบหนีลงจากสไลด์ฉุกเฉินไม่กี่นาทีก่อนที่เครื่องจะถูกไฟไหม้

แผ่นดินไหวไต้หวัน

เหตุการณ์แผ่นดินไหวในโซนเอเชียปีนี้ถือว่ารุนแรง หลังจากประเทศญี่ปุ่นเพิ่งได้รับความเสียหายหนักจากแผ่นดินไหวได้ไม่นาน ต่อมาวันที่ 3 เมษายน ก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่อีกครั้งที่ เมืองฮัวเหลียน อยู่ทางตะวันออกของเกาะไต้หวัน โดยมีความแรงสั่นสะเทือน 7.2 จนทำให้ตึกต่าง ๆ รวมไปถึงถนน บ้านเรือนประชาชน ได้รับความเสียหาย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตรวม 13 ศพ บาดเจ็บ 1,146 ราย และสูญหาย 6 ราย สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวไต้หวันครั้งนี้นับเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปีของไต้หวัน

อุบัติเหตุทางน้ำช็อกโลก

เหตุการณ์อุบัติเหตุทางน้ำช็อกโลกเกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.35 น. ของวันที่ 26 มีนาคม 2567 ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อเรือขนสินค้า"ดาลี" บริษัท ซีเนอร์จี กรุ๊ป ของสิงคโปร์ ได้ชน สะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (Francis Scott Key Bridge) สะพานข้ามแม่น้ำปาแทปส์โก ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา จนทำให้สะพานดังกล่าวที่มีความยาว 2.57 กม. พังถล่มและทำให้คนและรถยนต์ตกลงไปในแม่น้ำ โดยเหตุการณ์นี้ทำให้มีบาดเจ็บ 2 ราย และผู้สูญหาย 6 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามค้นหาร่างแต่ไม่พบ จนต่อมาทางการได้ยุติการค้นหา โดยระบุว่าทั้งหมดเสียชีวิต 

การเมืองเกาหลีใต้ร้อนแรงส่งท้ายปี 

การเมืองเกาหลีใต้เกิดเรื่องน่าตกใจชาวโลกเมื่อผู้นำอย่าง ประธานาธิบดี "ยุน ซอก ยอล"ได้ประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉินเมื่อวันอังคาร ที่ 3 ธันวาคม 2567 โดยเจ้าตัวอ้างว่าจำเป็นเพื่อปกป้องประเทศจาก"กองกำลังคอมมิวนิสต์" ท่ามกลางความขัดแย้งในรัฐสภาเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณ จากนั้นไม่นานประชาชนต่างออกมาประท้วงประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉินดังกล่าวที่หน้ารัฐสภาแห่งชาติในกรุงโซล โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อย 

แต่แล้วเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากการประกาศฯ สภาแห่งชาติเกาหลีใต้ร่วมกันลงคะแนนเห็นชอบให้เพิกถอนการประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉินของประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล 

สมาชิกสภานิติบัญญัติของเกาหลีใต้ได้สรุปการลงคะแนนเสียงในการลงโทษประธานาธิบดี"ยุน ซอก ยอล" หลังเจ้าตัวประกาศกฎหมายอัยการศึกฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่สภาแห่งชาติเกาหลีใต้จะโหวตคว่ำประกาศดังกล่าว ต่อมาวันที่ 14 ธันวาคม สมาชิกสภานิติบัญญัติ 300 คน มี 204 คน ลงคะแนนให้ถอดถอนประธานาธิบดีฯ ในข้อกล่าวหาการจลาจล 

"โดนัลด์ ทรัมป์" ถูกลอบสังหาร ก่อนก้าวสู่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯอีกครั้ง  

การเมืองประเทศมหาอำนาจประชาธิปไตยอย่างสหรัฐฯ เป็นที่จับตามองจากทั่วโลกเนื่องจากปีนี้มีการเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ โดย “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ลงสมัครเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่ง ขณะฝ่ายพรรคเดโมแครตส่ง "กมลา แฮร์ริส"ลงสนามสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งนี้การหาเสียงของทั้งคู่เป็นไปอย่างดุเดือดบางรัฐ"กมลา แฮร์ริส"มีคะแนนจากโพลนำอย่างเห็นได้ชัด ส่วน“โดนัลด์ ทรัมป์”ก็มีชาวอเมริกันสนับสนุนไม่น้อยเช่นกัน เนื่องจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” มีนโยบายชูโรงอย่าง "America First"จนเป็นที่ถูกใจคนอเมริกัน 

แต่เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ เมืองบัตเลอร์ มลรัฐเพนซิลเวเนีย “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ขึ้นปราศรัย แต่เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อมีมือปืนสุ่มยิงใส่“โดนัลด์ ทรัมป์”จนได้รับบาดเจ็บที่หูด้านขวา โดยมีเจ้าหน้าที่พาตัวลงไปจากแท่นปราศรัย โดยก่อนจะลงไป“โดนัลด์ ทรัมป์”ได้ชูกำปั้นขึ้นพร้อมกับมีเลือดไหลอาบใบหน้า นอกจากนี้ยังมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ส่วนมือปืนเป็นเด็กหนุ่ม วัย 20 ปี ชาวเมืองเบเธลพาร์ก มลรัฐเพนซิลเวเนีย ได้ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ 

ทั้งนี้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ผลปรากฏว่า“โดนัลด์ ทรัมป์” สามารถเอาชนะ "กมลา แฮร์ริส" ไปได้ 277 ที่นั่ง ซึ่งเกินเป้าที่ตั้งไว้ 270 ที่นั่ง ทำให้ “โดนัลด์ ทรัมป์”ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯอีกครั้ง และทำให้ทั่วโลกต้องจับตาการเมืองสหรัฐฯหลังจากนี้ว่าจะเดินหน้าไปในทิศทางใด โดยเฉพาะ 2 ประเทศมหาอำนาจอย่าง จีน และ รัสเซีย

ข่าวเวิร์คพอยท์23