[Exclusive]แกะรอยแก๊งค้ามนุษย์ปอยเปต สู่อาณาจักรสแกมเมอร์ประตูดำ-ประตูแดง
[Exclusive]แกะรอยแก๊งค้ามนุษย์ปอยเปต สู่อาณาจักรสแกมเมอร์ประตูดำ-ประตูแดง

ทีมข่าวโต๊ะข่าวรายงานพิเศษลงพื้นที่แกะรอยแก๊งค้ามนุษย์ปอยเปต ลวงเด็กหญิงวัย 14 ปี ไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา พบฐานใหญ่อยู่พนมเปญ ส่วนที่ใกล้ชายแดนไทยมีอาณาจักรสแกมเมอร์ประตูดำ-ประตูแดงไว้คอยรับคน
จากกรณี เด็กหญิง วัย 14 ปี ถูกนายหน้าแก๊งค้ามนุษย์ลวงข้ามชายแดนไทยไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชา ก่อนที่ต่อมาแม่เด็กได้ร้องขอความช่วยเหลือ จนได้รับการประสานงานจากเครือข่ายภาคประชาชนบริเวณชายแดนไทยและกัมพูชา และสามารถช่วยเหลือเด็กหญิงรายนี้ได้สำเร็จ
คุณพรทิพย์ โม่งใหญ่ และทีมข่าวเวิร์คพอยท์23 เดินทางไปที่ จ.ระยอง เพื่อพูดคุยกับน้องเอ(นามสมมติ) เด็กหญิงวัย 14 ปี ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร เธอถึงถูกหลอกข้ามชายแดนไทยไปปอยเปตและถูกแก๊งค้ามนุษย์ส่งต่อไปที่บริษัทแห่งหนึ่งในชายแดนกัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งอยู่ห่างจากปอยเปตเกือบ 600 กิโลเมตร
น้องเอเล่าว่าเธอเลิกเรียนด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ เมื่อมาอยู่กับแม่ที่ จ.ระยองเธอเห็นแม่ทำงานหนัก เลิกงานดึก จึงอยากหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่
จนกระทั่งวันที่ 17 ก.พ. 68 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ใช้ชื่อว่า เดอโซซูร์ ซอนด์ และรูปภาพประจำตัวเป็นรูปทอม คาดว่าเป็นนายหน้าของแก๊ง ได้ทักมาพูดคุยกับเธอในเชิงจีบ-ชู้สาว หลังจากพูดคุยกันได้ราว 3 วัน จนรู้เรื่องราวในชีวิตของน้องเอ และได้เสนองาน “แอดมิน” ที่ จ.สระแก้วให้กับน้อง และชักชวนมาทำงานด้วยกัน
จากนั้นทั้ง 2 ได้ติดต่อกันผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ทางฝั่งนายหน้าได้ให้น้องเอกรอกข้อมูลส่วนตัวส่งไปให้ พร้อมแนบรูปบัตรประชาชนและรูปถ่าย โดยฟอร์มที่กรอกไปนั้นพบว่าเป็นรูปแบบของข้อความธรรมดา ไม่มีระบุว่าเป็นของบริษัทใด มีแต่คำโฆษณาชวนเชื่อเรื่องรายได้หลักหมื่นกับเงินสวัสดิการที่ดีเกินจริง
5 วันหลังจากทักน้องเอมาเป็นครั้งแรก ในวันที่ 22 ก.พ. 68 นายหน้าคนดังกล่าวจ้างรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชั่นมารับน้องเอถึงที่หน้าบ้านพักใน จ.ระยอง แล้วขับไปส่งน้องที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้ชายแดน อ.อรัญประเทศ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง ค่าเดินทางส่วนนี้นายหน้าได้ใช้บัญชีม้าโอนเงินเข้าบัญชีของคนขับรถระหว่างวันที่ 21-22 ก.พ. 68 ทั้งหมด 3 ครั้ง ยอดเงินรวมเกือบ 10,000 บาท
จากนั้นมีรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมารับน้องเอที่หน้าห้าง พาไปส่งที่ช่องทางธรรมชาติที่ใช้ลักลอบผ่านเข้า-ออกประเทศไทยกับกัมพูชา
ทีมข่าว ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยข้อมูลจากการสืบสวนของ ตร. สภ.คลองลึกระบุว่า น้องเอเดินผ่านช่องทางธรรมชาติตรงจุดที่ดินเอกชนรายหนึ่ง จุดนี้ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าที่เป็นจุดนัดส่งตัวเด็ก และยังเป็นจุดที่มีขบวนการลักลอบพาเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายคนข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา
จากการสำรวจพบว่าทหารพรานที่ 12 หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา ได้ทำการล้อมรั้วหนามหีบเพลงทั้งหมด 4 ชั้น บริเวณจุดช่องทางธรรมชาติดังกล่าว เริ่มจากด้านในสุดริมชายแดน ติดตั้งกล้องวงจรปิด และมีจุดเฝ้าของเจ้าหน้าที่ทหารพราน 24 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าตั้งแต่ล้อมรั้วมา ไม่มีคนลักลอบข้ามแดนในจุดนี้ได้
เมื่อน้องเอข้ามถึงฝั่งกัมพูชา ก็ถูกนำตัวไปที่อาคารแห่งหนึ่ง น้องเอเล่าว่าที่นั่นมีคนเฝ้าประตูอย่างแน่นหนา จากนั้นมีคนไทยเดินมารับพาเข้าอาคาร ก่อนที่คนของแก๊งจะยึดโทรศัพท์ของน้องเอไป และมีการใช้โทรศัพท์ของน้อง ส่งข้อความหาครอบครัวที่อยู่ที่ไทยบอกว่าปลอดภัยดี มาทำงานที่ จ.สระแก้ว หวังให้ทางครอบครัวของเด็กหญิงตายใจ แต่หารู้ไม่ว่าการส่งข้อความในครั้งนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ครอบครัวแน่ใจว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นและน้องเอไม่ได้พิมพ์เอง เพราะลักษณะการใช้ภาษาที่เปลี่ยนไป
หลังจากนั้นน้องเอพร้อมด้วยเหยื่ออีก 2 คนที่ถูกหลอกมาพร้อมๆ กัน ก็ถูกขายต่อให้นายทุนจีนที่อาณาจักรคอลเซ็นเตอร์แห่งหนึ่งที่ชายแดนกัมพูชาติดเวียดนาม ห่างจากปอยเปต 600 กิโลเมตร และให้สวมบัตรประชาชนให้เป็นหญิงอายุ 25 ปี น้องเอยังเล่าอีกว่ายังมีเพื่อนรุ่นพี่ที่ถูกหลอกไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกจำนวนมากที่รอความช่วยเหลือ
ทีมข่าวเวิร์คพอยท์23 และคุณพรทิพย์ โม่งใหญ่ ลงพื้นที่ตามคำบอกเล่าและข้อมูลที่ได้รับมา ตรวจสอบอาณาจักรสแกมเมอร์ทุนจีน ที่น้องเอถูกส่งตัวไปเมื่อข้ามมาถึงฝั่งกัมพูชา โดยอาณาจักรดังกล่าวมีชื่อย่อว่า อาณาจักร์ S อยู่ห่างจากอรัญประเทศเพียง 18 กิโลเมตร มีการก่อสร้างอาคารหลายจุดทั้งโรงงาน ที่พัก และสถานบันเทิงครบวงจร
ทีมข่าวลัดเลาะตามซอกซอยจนพบกำแพงและรั้วลวดหนามล้อมรอบขนาดใหญ่ โดยจากข้อมูลคนในพื้นที่บอกว่าที่นี่เป็นที่ตั้งสแกมเมอร์ขนาดใหญ่หลายร้อยไร่ มีสัญลักษณ์ที่เหยื่อจดจำไดัชัดคือ มีประตูเหล็กขนาดใหญ่สีดำ และสีแดง
ภายในรั้วกำแพงมีอาคารจำนวนมาก ทั้งอาคารหอพัก 10 ชั้น และอาคารขนาดใหญ่สูงประมาณ 2-3 ชั้น ตัวอาคารแบ่งเป็นห้องหลายพันห้อง มีเหล็กดัดทุกห้อง ภายในแบ่งเป็นโซนมีอักษรภาษาอังกฤษกำกับ และมีเสารับสัญญาณขนาดใหญ่ ส่วนด้านนอกมีประตูหลายจุด แต่ละจุดมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าตลอดเวลา
นอกจากนี้ รอบนอกรั้ว ทีมข่าวยังพบอาคารทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ตั้งเรียงราย จากที่สังเกตจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าเวรยามหน้าประตูในบางหลัง จากข้อมูลคนในพื้นที่ระบุว่า เป็นบ้านที่นายทุนจีนสร้างไว้เป็น สถานที่คุมขังแรกรับ โดยเหยื่อที่จะมาอยู่ที่บ้านจะถูกขังไว้ก่อนที่จะส่งตัวไปที่อื่น เช่นเดียวกับที่น้องเอเคยประสบมา โดยมีบริษัทที่ตั้งอยู่ภายในอาณาจักรสแกมเมอร์เป็นนายหน้าจัดหาคนและมีการขายเหยื่อต่อเป็นทอดๆ ให้บริษัทหรือแก๊งอื่น
แกะรอยแก๊งค้ามนุษย์ปอยเปต ตอนที่2: [Exclusive] “บาเวต” ที่มั่นใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เคยกินกันไหม “หม่าขี้เบ้า” ของอร่อยพื้นบ้านที่ต้องขุดโพรงหา แอบซ่อนตัวอยู่ในก้อนขี้ควาย ก่อนแปลงกายเป็นเมนูแซ่บ
