อดีตทหารสางแค้นให้พ่อ รุมตื้บคู่กรณีมีดกรีดขาทาเกลือ ต่อหน้าลูกวัย 14 ปี

อดีตทหารสางแค้นให้พ่อ รุมตื้บคู่กรณีมีดกรีดขาทาเกลือ ต่อหน้าลูกวัย 14 ปี

122604 ส.ค. 67 19:36   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

อดีตทหารสางแค้นให้พ่อ รุมตื้บคู่กรณีมีดกรีดขาทาเกลือ ต่อหน้าลูกวัย 14 ปี ก่อนหลบหนีออกจากพื้นที่

(4 ส.ค.67) จากกรณีบังคับลูก วัย 14 ปี ดูเหตุ รุมทำร้ายพ่อสาหัส จนขาหัก เอามีดกรีดขาเกลือทา ทุบนิ้วแตก 2 นิ้ว บาดเจ็บทั้งตัว ต่อหน้าต่อตาแล้วโยนทิ้งน้ำ จนลูกชายโพสต์วอนตำรวจ หน่วยงานเร่งช่วยเหลือ

อันเป็นเหตุสืบเนื่องจากต้นเรื่อง นายศักดา อายุ 45 ถูกกลุ่มคนร้าย 3 คน มาขอให้ลูกชายคือ เด็กชายโปรสรินทร์ อายุ 14 ปี พาไปหาพ่อคือนายศักดา ซึ่งอยู่ที่ทุ่งนา หลังจากพบได้รุมทำร้ายร่างกาย 


โดยคนหนึ่งล็อกตัวลูกชายไว้ อีก 2 คน รุมทำร้ายร่างกายพ่อ แล้วบังคับให้ดูการทำลาย ดูการทรมานพ่อตัวเอง โดยครึ่งชั่วโมงแรก รุม ชกต่อย ทำร้ายร่างกาย ต่อจากนั้นใช้ไม้หน้า 3 ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ สาหัส และรุมทำร้ายเป็นเวลากว่าชั่วโมง จนขาซ้ายหัก โดนมีดกรีดขาจนเป็นแผลฉกรรจ์เอาเกลือทา นิ้วถูกทุบ กระดูกมือขวาหัก 2 นิ้ว แล้วยังมีการใช้ดุ้นฟืนที่มีไฟจี้ที่แผล และลากดุ้นฟืนไฟลวกตามตัว จนอาการสาหัสแล้ว จับโยนลงในน้ำข้างกระท่อมนา จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุนำลูกชายคนเจ็บกลับมาส่งบ้าน แล้วพากันหลบหนีไป ต่อมาลูกชายกโทรศัพท์และแชตหาเพื่อนไปช่วยพ่อนำส่งโรงพยาบาล เพื่อรักษาอาการ


เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากการทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในวงเหล้าเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 67 และวันต่อมาวันที่ 30 ก.ค. 67 ลูกของคู่กรณีจึงมาแก้แค้น จนบาดเจ็บสาหัส อยู่ในความดูแลขอแพทย์ รพ.เมยวดี จนกระทั่งออกจาก รพ.กลับมารักษาตัวที่บ้านเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.67) จึงร้องขอความเป็นธรรมต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เร่งหาสาเหตุและติดตามตัวคู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหา


สำหรับข้อมูลมูลเหตุเบื้องต้น ได้รับรายละเอียดจาก ได้รับแจ้งจาก นางร่มเย็น และลูกชาย ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า เกิดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 29 กรกฎาคม 2517 โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บถูกทำร้ายร่างกาย ได้ดื่มสุรา กับเพื่อน แล้วก่อเหตุทะเลาะวิวาทมีการทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน อันเกิดจากการขัดแย้งกันในวงเหล้า ต่อมาผู้ถูก ทำร้ายร่างกายได้โทรศัพท์แจ้งกับลูกชาย คือนายอัครินทร์ หรือ หลุยส์ อายุ 27 ปี ซึ่งเป็น อดีตทหาร และทำงานเป็นการ์ด รักษาความปลอดภัย อยู่กรุงเทพฯ ได้เดินทางกลับมาบ้านในวันที่ 30 แล้วชวนเพื่อน อีก 2 คน คือนายท็อป และนายปาร์ค เดินทางไปพบเด็กชายโปรสรินทร์ หรือกั๊ก อายุ 14 ปี ลูกชายของคนเจ็บที่บ้าน ให้พาไปหาพ่อที่ทุ่งนา 


แล้วเมื่อพบ นายศักดา ซึ่งอยู่ในกระท่อม กลางนาห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ได้พากันก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกาย ต่างๆนานาตามข่าว เป็นเวลากว่าชั่วโมง จากนั้นก็นำร่างของผู้บาดเจ็บโยนลงน้ำ ข้างกระท่อม ในนา แล้วพาเด็กชายโปรสรินทร์ เดินทางกลับมาส่งที่บ้าน คล้ายกับมีเจตนาที่จะถ่วงเวลา ให้ผู้บาดเจ็บจมน้ำตาย แล้วผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนก็พากันหลบหนีไป โดยผู้นำการก่อเหตุได้เดินทางออกจากจังหวัดร้อยเอ็ด กลับกรุงเทพฯ 


แต่เมื่อ เด็กชายโปรสรินทร์ กลับถึงบ้าน ด้วยความเป็นห่วงพ่อ จึงรีบติดต่อหาเพื่อน ให้ไปช่วย ด้วยการขี่รถ จยย.ไปยังที่เกิดเหตุ นำร่างพ่อ ขี่รถจักรยานยนต์ (ตามที่มีคลิป) เดินทางกลับมาบ้าน จากนั้นก็นำส่งโรงพยาบาล อำเภอเมยวดี เพื่อช่วยเหลือชีวิต ก่อนที่จะเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ที่อำเภอเมยวดี เพื่อสอบสวน ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ มาลงโทษ ในเวลาต่อมา


ซึ่งล่าสุดวันนี้ ทางด้านพันตำรวจโทสมศักดิ์ ศรีสะอุ่ม ร่วมกับพนักงานสอบสวน ได้เดินทางไปสอบสวนปากคำ ผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งออกจากโรงพยาบาล กลับมาบ้านเมื่อวานนี้ ในขณะเดียวกันยังทางฝ่ายปกครอง ที่เกี่ยวข้อง ประสานกับผู้ใหญ่บ้าน ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบสวนรายละเอียด แล้วยังศพมีดโต้ ตกอยู่ในน้ำ ข้างจุดที่ก่อเหตุ จึงนำมาเพื่อประกอบสำนวนคดี เตรียมบันทึกข้อมูล ส่งมอบให้กับผู้บังคับบัญชา และตำรวจก็สรุปส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมเสนอพันตำรวจเอก กุลชาติ จันทร์โทริ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธร เมยวดี เร่งสรุป สำนวนคดีและ ติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ตามกฎหมาย


ซึ่งทางด้านพันตำรวจเอก กุลชาติ จันทร์โทริ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร เมยวดี กล่าวว่า หลังจากรับแจ้งเหตุ ไว้หลังจากการเกิดเหตุวันที่ 30 ก็ได้เร่งสรุปสำนวนคดีและ เร่งสอบสวนพยานแวดล้อม และพยานหลักฐาน เพื่อที่จะติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ซึ่งผู้กำกับกล่าวว่าหลังจากเกิดเหตุ ล่าสุด ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่า ผู้ก่อเหตุ ได้ติดต่อประสานมาว่า จะเข้ามามอบตัว เพื่อต่อสู้คดี ซึ่งก็ได้มีการ บันทึกถ้อยคำ ของผู้ก่อเหตุไปแล้ว โดยยังไม่ระบุวัน ของการที่จะเข้ามามอบตัวสู้คดี แต่อย่างใดก็ตาม ยืนยันว่าคดีนี้ไม่เป็นเรื่องซับซ้อน และเป็นเรื่องของการเข้าใจผิด และก่อเหตุทะเลาะวิวาท กันเองของกลุ่มบุคคลที่ คุ้นเคยและเป็นญาติกัน ซึ่งจะเร่งดำเนินการเรียกพวกเกี่ยวข้องมา สอบสวนปากคำเพื่อดำเนินคดีต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม การรอการมอบตัวก็มีห้วงเวลา หากนานเกินไปก็จะมีการออกหมายเรียก และหากออกหมายเรียกแล้ว 2 ครั้ง แล้วไม่มามอบตัวจะมีการพิจารณาขอศาลอนุมัติออกหมายจับต่อไป


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง