ผู้การสืบภาค 5 มีคำสั่งให้ ส.ต.อ.เมากร่าง ออกจากราชการแล้ว
ผู้การสืบภาค 5 มีคำสั่งให้ ส.ต.อ.เมากร่าง ออกจากราชการแล้ว

ผู้การสืบภาค 5 มีคำสั่ง "ส.ต.อ.เมากร่าง" ท้าต่อยตำรวจจราจร ให้ออกจากราชการแล้ว
(30 พ.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้า กรณีตำรวจยศ ส.ต.อ.อายุ 29 ปี สังกัดกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 เมาแล้วขับรถชนคู่กรณี บนถนนวงแหวนรอบสองสันกำแพง 2 คัน และตำรวจจราจร สภ.สันกำแพง เข้าตรวจสอบ แล้วถูกด่าทอหยาบคาย ท้าตีท้าต่อย จนถูกจับเป่าวัดปริมาณแอลกฮอล์ พบสูงถึง 221 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เมื่อช่วงสาย วันที่ 27 พ.ค.68 ซึ่งเจ้าตัวพร้อมพ่อ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 29 พ.ค.68 ก่อนที่ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้ออกคำสั่ง (เด้ง) ให้ปฎิบัติงานที่ศูนย์ปฎิบัติการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 หรือ ศปก. โดยขาดจากตำแหน่งเดิมไปก่อน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- สั่งเด้งเข้ากรุ ขาดจากตำแหน่งเดิม ส.ต.อ.เมาขับ ท้าชกตำรวจจราจร
- ส.ต.อ.เมาขับ-ท้าต่อยตำรวจจราจร ควงพ่อเข้ารับทราบข้อหาแล้ว
ล่าสุดวันนี้ ทาง พล.ต.ต.วรพงษ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ได้ออกคำสั่งเรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ด้วย ส.ต.อ.ศิรวัฒน์ หรือ บัณทัต (สงวนนามสกุล) ตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ (ทำหน้าที่ป้องกันปราบปราม) สังกัด กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวรฎธธรภาค 5 กรณีถูกตั้งกรรมการสอบสวน โดยกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามคำสั่งกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ลงวันที่ 30 พ.ค.68 จากกรณีดังกล่าวนั้น
ซึ่งถือว่าเป็นการประพฤติไม่สมควรอย่างยิ่ง ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของข้าราชการตำรวจ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยส่วนรวม จึงมีเหตุให้พักราชการได้ตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ถ้าให้คงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความเสียหาย โดยผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการตำรวจ มีหน้าที่และอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชนป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา แต่กลับต้องหาว่ากระทำผิดทางอาญาเสียเสียเอง ซึ่งมีพฤติการณ์ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน และภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างร้ายแรง
ประกอบกับได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การสอบสวนที่เป็นเหตุให้สังพักราชการนั้น จะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว ฉะนั้นจึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 มาตรา 131 และมาตรา 179 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ประกอบกับ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ข้อ 8 จึงให้ ส.ต.อ.ศีรวัฒน์ ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน